the funded trader รีวิว: โอกาสเทรดทุนใหญ่ คุ้มค่าสำหรับคนไทยหรือไม่?

Table of Contents

บทนำ: ทำความรู้จัก The Funded Trader (TFT) Prop Firm ยอดนิยม

ในวงการเทรดฟอเร็กซ์และสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ การมีเงินทุนจำนวนมากช่วยให้เทรดเดอร์สร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นได้ แต่หลายคนกลับขาดแคลนทุนเริ่มต้นที่เพียงพอ นั่นทำให้บริษัทจัดหาเงินทุนหรือ Prop Firm อย่าง The Funded Trader (TFT) กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ TFT ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักเทรดทั่วโลก รวมถึงในไทย ด้วยโมเดลที่ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าถึงทุนใหญ่ โดยแบ่งกำไรตามข้อตกลงที่ชัดเจน

บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อค้นหาและสนับสนุนเทรดเดอร์เก่งๆ ให้ใช้ทุนของบริษัทในการเทรด ซึ่งดึงดูดชาวไทยจำนวนไม่น้อยที่อยากขยายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทุน การใช้เลเวอเรจสูงขึ้น หรือลดความเสี่ยงจากเงินตัวเอง รีวิวฉบับนี้จะวิเคราะห์ทุกด้านของ TFT ตั้งแต่กฎทดสอบ ค่าใช้จ่าย การถอนเงิน ข้อดีข้อเสีย และการเทียบกับคู่แข่ง เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์ไทยตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

สำหรับชาวไทย การเลือก Prop Firm ไม่ใช่แค่เรื่องทุน แต่ยังรวมถึงความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใส ช่องทางชำระเงินที่สะดวก และการช่วยเหลือที่เข้าถึงง่าย บทความนี้จึงครอบคลุมข้อมูลลึกซึ้ง เพื่อตอบคำถามว่า TFT คุ้มค่ากับการลงทุนและเหมาะกับสไตล์เทรดของคนไทยจริงหรือไม่ โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดผันผวน การมีพันธมิตรอย่าง Prop Firm ที่เชื่อถือได้ยิ่งสำคัญ

ภาพประกอบเทรดเดอร์ยื่นมือคว้ากระเป๋าเงินทุนใหญ่พร้อมโลโก้ TFT ในพื้นหลัง

แผนการเทรดและเงื่อนไขการทดสอบ (Challenge) ของ The Funded Trader

TFT โดดเด่นด้วยแผนทดสอบที่หลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับสไตล์และระดับประสบการณ์ของเทรดเดอร์แต่ละคน การรู้จักประเภทบัญชีและกฎหลักจะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้ดีก่อนสมัคร

ประเภทบัญชีและขนาดเงินทุน

TFT นำเสนอบัญชีหลากรูปแบบ แต่ละแบบมีลักษณะเฉพาะและขนาดทุนเริ่มต้นที่แตกต่าง เพื่อทดสอบทั้งกำไรและการควบคุมความเสี่ยงในสถานการณ์ต่างๆ บัญชีเหล่านี้ปรับให้เข้ากับความต้องการของเทรดเดอร์

ตัวอย่างประเภทบัญชีที่ TFT มี (อาจปรับเปลี่ยนตามนโยบาย) เช่น Standard Challenge ที่ฮิตสุด ประกอบด้วยสองเฟสพร้อมเป้ากำไรและลิมิตขาดทุนชัดเจน Rapid Challenge ที่ยืดหยุ่นกว่า ช่วยให้ผ่านเร็วแต่มีข้อจำกัด Royal Challenge สำหรับระดับพรีเมียม ทุนใหญ่และกฎผ่อนคลายบ้าง Knight Challenge หรือ Dragon Challenge ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ขนาดทุนตั้งแต่ 5,000 ดอลลาร์ถึง 400,000 ดอลลาร์หรือมากกว่า ขึ้นกับแบบที่เลือก แนะนำให้เช็คเว็บไซต์ทางการเพื่อหาบัญชีที่ตรงกับเป้าหมายของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นเทรดเดอร์ไทยที่เน้นความมั่นคง

ภาพประกอบประเภทบัญชีท้าทายและขนาดทุนต่างๆ พร้อมเทรดเดอร์ศึกษากฎ

กฎและข้อกำหนดหลักในการผ่านชาเลนจ์

การเข้าใจกฎเหล่านี้ช่วยให้วางแผนเทรดได้แม่นยำ กฎหลักที่ TFT และ Prop Firm ทั่วไปใช้ ได้แก่

เป้าหมายกำไรคือกำไรขั้นต่ำต่อเฟส มัก 8% ในเฟสแรกและ 5% ในเฟสสองของทุนเริ่มต้น การขาดทุนรายวันจำกัดที่ 5% ของทุนเริ่มต้นหรือยอดสิ้นวันก่อน เพื่อป้องกันการเทรดเสี่ยงเกิน การขาดทุนรวมไม่เกิน 10% ของทุนเริ่มต้น หากเกินคือล้มเหลวทันที

กฎความสอดคล้องป้องกันการพึ่งโชค โดยกำหนดให้กำไรต่อวันไม่เกินสัดส่วนกำไรรวม หรือต้องเทรดขั้นต่ำหลายวัน ซึ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ไทยที่อาจชินกับเทรดเดี่ยวๆ แต่ Prop Firm เน้นวินัยระยะยาว บางชาเลนจ์กำหนดวันเทรดขั้นต่ำเพื่อยืนยันความสม่ำเสมอ

ควรอ่าน Terms and Conditions หรือ FAQs บนเว็บไซต์ TFT ให้ละเอียด เพื่ออัปเดตกฎเฉพาะบัญชี (ที่มา: The Funded Trader Terms & Conditions) การเตรียมตัวดีๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสผ่าน

ภาพประกอบมือถือเงินพร้อมสัญลักษณ์คืนเงินและค่าธรรมเนียมชาเลนจ์ต่างๆ

ค่าธรรมเนียมและการคืนเงิน: ลงทุนกับ The Funded Trader คุ้มไหม?

การชั่งน้ำหนักค่าธรรมเนียมและนโยบายคืนเงินเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจเข้าร่วม TFT

ค่าธรรมเนียมสมัครชาเลนจ์แตกต่างตามขนาดทุนและประเภทบัญชี ยิ่งทุนใหญ่ ค่าธรรมเนียมยิ่งสูง เช่น บัญชี 5,000 ดอลลาร์อาจเริ่มต้น 50-70 ดอลลาร์ ส่วน 100,000 ดอลลาร์อาจถึง 500-600 ดอลลาร์หรือมากกว่านั้น

จุดเด่นคือ TFT คืนค่าธรรมเนียมเมื่อผ่านชาเลนจ์ทั้งสองเฟสและได้บัญชีจริง โดยคืนพร้อมถอนกำไรครั้งแรก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง หากคุณเก่งพอ ก็ไม่เสียเปล่า แต่ต้องจำไว้ว่า

คืนเงินเฉพาะเมื่อผ่าน ถ้าไม่ผ่านคือเสียไป ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือนสำหรับบัญชีจริง แต่เช็คนโยบายล่าสุดเสมอ ถ้าต้องรีเซ็ตหลังล้มเหลว ต้องจ่ายใหม่

สรุปคือ ถ้าคุณมั่นใจในฝีมือ การลงทุนนี้คุ้มเพราะได้ทุนใหญ่และคืนเงิน แต่คิดให้ดีว่ามันคือค่าทดสอบ ถ้าผ่านไม่ได้ก็คือบทเรียนราคาแพง โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ไทยที่อาจต้องคำนวณค่าแลกเปลี่ยนด้วย

แพลตฟอร์มและเครื่องมือการเทรดที่ The Funded Trader รองรับ

ความยืดหยุ่นในการเลือกแพลตฟอร์มและสินทรัพย์คือเสน่ห์อีกอย่างของ TFT ที่ทำให้เทรดเดอร์ทั่วโลกติดใจ

TFT รองรับแพลตฟอร์มยอดนิยมในวงการ เช่น

MetaTrader 4 (MT4) ที่เหมาะกับฟอเร็กซ์ ใช้งานง่าย มีเครื่องมือวิเคราะห์ครบและรองรับ Expert Advisors สำหรับเทรดอัตโนมัติ MetaTrader 5 (MT5) อัปเกรดจาก MT4 เพิ่มกรอบเวลา คำสั่งหลากหลาย และเทรดสินค้าอื่นๆ ได้ และ cTrader ที่เด่นเรื่องความเร็วและโปร่งใส เหมาะกับคนชอบอินเทอร์เฟซทันสมัย

คุณเลือกแพลตฟอร์มที่ถนัดได้เลย ช่วยให้โฟกัสเทรดเต็มที่โดยไม่เสียเวลาปรับตัว ซึ่งเป็นข้อดีใหญ่สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่อาจชินกับ MT4 อยู่แล้ว

ภาพประกอบแพลตฟอร์มเทรด MT4 MT5 cTrader พร้อมสินทรัพย์การเงินหลากหลาย

ส่วนสินทรัพย์ที่เทรดได้ก็ครอบคลุมตลาดหลัก เช่น ฟอเร็กซ์ (EUR/USD, GBP/JPY), คริปโต (BTC/USD, ETH/USD แบบ CFD), ดัชนี (S&P 500, DAX), และสินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ, น้ำมัน) ความหลากหลายนี้ช่วยกระจายความเสี่ยงและใช้กลยุทธ์ตามความถนัดได้ดี โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวนอย่างคริปโตที่คนไทยสนใจมาก

การถอนเงิน (Withdrawal) จาก The Funded Trader: ประสบการณ์จริงของเทรดเดอร์ไทย

การถอนเงินคือหัวใจของความน่าเชื่อถือสำหรับ Prop Firm ทุกเจ้า การรู้ขั้นตอนและช่องทางของ TFT จะช่วยให้คุณวางแผนได้

TFT มีนโยบายแบ่งกำไรน่าดึงดูด เริ่มต้น 80/20 (เทรดเดอร์ได้ 80%) และเพิ่มเป็น 90/10 ถ้าทำผลงานดีและผ่านแผนขยายทุน

ภาพประกอบขั้นตอนการถอนเงินจาก The Funded Trader

ขั้นตอนถอนทำผ่าน Client Portal ยื่นขอตามรอบ เช่น ทุก 14 หรือ 30 วันหลังเทรดครั้งแรกบนบัญชีจริง

ช่องทางชำระเงินหลากหลาย สะดวกสำหรับชาวไทย เช่น

โอนธนาคารปลอดภัยแต่ช้าและมีค่าธรรมเนียมสูงสำหรับไทย สกุลเงินดิจิทัลอย่าง USDT (TRC-20/ERC-20) รวดเร็ว ค่าต่ำ และฮิตในไทย และ E-Wallets อย่าง Wise หรือ Payoneer ที่อัตราแลกเปลี่ยนดี

จากประสบการณ์เทรดเดอร์ไทยใน Pantip หรือกลุ่ม Facebook (ที่มา: Pantip) ถอนคริปโตเร็วกว่ามาก (ชั่วโมงถึง 1-2 วัน) แต่ธนาคารอาจ 3-5 วัน KYC ครั้งแรกต้องเอกสารชัดเจน เช่น บัตรประชาชนหรือที่อยู่ มิฉะนั้นอาจติดขัด

โดยรวม TFT จ่ายจริง แต่บางครั้งช้าหรือสื่อสารไม่ดี ค่าธรรมเนียมแฝงจากผู้ให้บริการก็ต้องเช็ค แนะนำเลือกช่องทางที่เหมาะและอัปเดตนโยบายบนเว็บ เพื่อถอนกำไรได้ลื่นไหล

ข้อดีและข้อเสียของ The Funded Trader: มุมมองที่ครบครันและเป็นกลาง

เพื่อให้เห็นภาพชัด การดูทั้งข้อดีและข้อเสียของ TFT จะช่วยตัดสินใจได้ดี

ข้อดี (Pros)

TFT มีจุดแข็งหลายอย่างที่ทำให้ฮิต:

ทุนใหญ่สุดถึง 400,000 ดอลลาร์หรือมากกว่า ผ่าน Scaling Plan ช่วยเพิ่มกำไรได้มหาศาล แบ่งกำไรสูงเริ่ม 80% ถึง 90% เลเวอเรจสูง (1:100 หรือ 1:200) เปิดตำแหน่งใหญ่ได้ แพลตฟอร์มหลากหลาย (MT4, MT5, cTrader) และสินทรัพย์ครบ (Forex, Crypto, Indices, Commodities) คืนค่าธรรมเนียมเมื่อผ่าน Scaling Plan สำหรับเติบโตระยะยาว และชุมชนแข็งแกร่งพร้อมทรัพยากรเรียนรู้ ซึ่งเหมาะกับเทรดเดอร์ไทยที่อยากพัฒนา

ข้อเสีย (Cons)

แต่ก็มีจุดอ่อนที่ต้องระวัง:

ลิมิต Drawdown เข้มงวด ผิดทีเดียวอาจล้ม กฎ Consistency ท้าทายคนเทรดไม่สม่ำเสมอ ข้อกำหนดซับซ้อนและเปลี่ยนได้ สนับสนุนลูกค้าบางครั้งช้า ถอนเงินอาจล่าช้าหรือ KYC เข้ม และขาดการกำกับดูแลจากหน่วยงานอย่าง SEC หรือ FCA ทำให้ไม่มีคุ้มครองแบบโบรกเกอร์จริง ซึ่งเป็นความเสี่ยงใหญ่ โดยเฉพาะในไทยที่กฎหมายเข้มงวด

ภาพประกอบตารางเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของ The Funded Trader

The Funded Trader vs. คู่แข่ง: เปรียบเทียบกับ FTMO และ FundedNext สำหรับเทรดเดอร์ไทย

ตลาด Prop Firm แข่งขันดุเดือด TFT ไม่ใช่ตัวเลือกเดียว เทรดเดอร์ไทยมักเทียบกับ FTMO และ FundedNext เพื่อหาที่ดีที่สุด

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติหลัก:

คุณสมบัติ The Funded Trader FTMO FundedNext
ชื่อเสียง/ความน่าเชื่อถือ ดี, มีชื่อเสียงในด้านการจ่ายเงิน ยอดเยี่ยม, ถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ดี, เติบโตอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยม
ประเภทชาเลนจ์ Standard, Rapid, Royal, Knight (อาจมีการเปลี่ยนแปลง) FTMO Challenge (2 เฟส), Instant Funding (ยกเลิกแล้ว) Express, Stellar, One-Step (อาจมีการเปลี่ยนแปลง)
เป้าหมายกำไร (เฟส 1) ~8-10% 10% 25% (Express), 10% (Stellar/One-Step)
Daily Drawdown ~5% ของยอดเริ่มต้น/ยอดคงเหลือสิ้นวัน 5% ของยอดเริ่มต้น/ยอดคงเหลือสิ้นวัน 5% ของยอดเริ่มต้น/ยอดคงเหลือสิ้นวัน
Overall Drawdown ~10% ของยอดเริ่มต้น 10% ของยอดเริ่มต้น 6-8% (Express), 10% (Stellar/One-Step)
Profit Split เริ่มต้น 80% (ขยายได้ถึง 90%) 80% (ขยายได้ถึง 90%) 60-90% (ขึ้นอยู่กับประเภทและประสิทธิภาพ)
แพลตฟอร์ม MT4, MT5, cTrader MT4, MT5, cTrader MT4, MT5, cTrader
คืนเงินค่าธรรมเนียม ใช่ (เมื่อผ่านชาเลนจ์) ใช่ (เมื่อผ่านชาเลนจ์) ใช่ (เมื่อผ่านชาเลนจ์สำหรับบางประเภท)
การสนับสนุนลูกค้า ดีพอใช้, บางครั้งมีรายงานความล่าช้า ยอดเยี่ยม, ตอบกลับรวดเร็ว ดี, มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ความยืดหยุ่นกฎ มีชาเลนจ์หลายแบบให้เลือก เข้มงวดแต่ชัดเจน มีตัวเลือกที่ยืดหยุ่นกว่าในบางชาเลนจ์ เช่น No Time Limit

สำหรับเทรดเดอร์ไทย:

FTMO คือมาตรฐานทอง ด้วยชื่อเสียงดี สนับสนุนเยี่ยม และระบบเสถียร เหมาะกับคนต้องการความมั่นคง TFT ดีสำหรับทุนใหญ่และแบ่งกำไรสูง ยืดหยุ่นแต่ Drawdown เข้ม FundedNext เน้นยืดหยุ่น เช่น No Time Limit เหมาะกับเทรดช้าๆ

การเลือกขึ้นกับสไตล์ ความเสี่ยง เป้าหมาย และกฎ เช็คข้อกำหนดล่าสุดก่อน (ที่มา: Trustpilot Reviews) โดยเฉพาะชาวไทยที่อาจเน้นช่องทางถอนสะดวก

The Funded Trader ปลอดภัยไหม? ข้อควรระวังและกลยุทธ์ผ่านชาเลนจ์สำหรับเทรดเดอร์ไทย

ความปลอดภัยและข้อควรระวัง

ความปลอดภัยคือคำถามใหญ่สำหรับเทรดเดอร์ไทยเมื่อเลือก Prop Firm

เข้าใจก่อนว่า Prop Firm อย่าง TFT ไม่ใช่โบรกเกอร์กำกับดูแลแบบดั้งเดิม แต่เป็นบริษัทให้ทุนเทรดด้วยเงินตัวเอง ไม่มีหน่วยงานอย่าง ก.ล.ต. ไทยหรือ FCA คอยคุ้มครอง ทำให้เสี่ยงกว่านิด

นโยบายอาจเปลี่ยนกระทันหัน ส่งผลต่อเทรดเดอร์ จาก Trustpilot และ Pantip TFT จ่ายจริง แต่บางครั้งช้าถอนหรือสื่อสารไม่ดี ระวัง Scam ในวงการ เช็ครีวิวและประวัติให้ดี TFT มีชื่อเสียงระดับโลก แต่ยังต้องระมัดระวัง

สำหรับไทย ภาษีจากกำไรต่างประเทศตามมาตรา 40(8) ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และ AML อาจตรวจโอนใหญ่ สรุป TFT ไม่ใช่ Scam แต่เสี่ยงจากขาดกำกับและนโยบาย เทรดอย่างมีสติ

กลยุทธ์พิชิตชาเลนจ์ The Funded Trader

ผ่านชาเลนจ์ TFT ไม่ง่าย แต่ทำได้ด้วยแผนและวินัย:

  1. เข้าใจกฎละเอียด โดยเฉพาะ Drawdown
  2. จัดการความเสี่ยง เสี่ยงต่อเทรด 0.5-1% เพื่อมีโอกาสหลายรอบ
  3. มีแผนเทรดชัด ใช้ Stop Loss และ Take Profit
  4. เน้นกำไรสม่ำเสมอ ไม่เสี่ยงก้อนใหญ่
  5. ฝึก Demo ภายใต้กฎเดียวกัน
  6. ควบคุมจิตวิทยา หลีกเลี่ยงอารมณ์
  7. บันทึก Journal วิเคราะห์ปรับปรุง
  8. ปรับกลยุทธ์หลีกเลี่ยง “แก้ไม้” ที่ขัด Drawdown

คนไทยที่ชินเทรดแบบไทยๆ ต้องปรับให้เข้ากับวินัย Prop Firm เพื่อสำเร็จ

สรุป: The Funded Trader คุ้มค่าแก่การลงทุนหรือไม่? คำแนะนำสุดท้าย

TFT คือโอกาสดีสำหรับเทรดเดอร์เก่งที่จัดการความเสี่ยงได้ ด้วยทุนใหญ่ แบ่งกำไรสูง และแพลตฟอร์มหลาก ช่วยยกระดับเทรดชาวไทย

แต่คุ้มหรือไม่ขึ้นกับตัวคุณ:

ถ้ามีวินัย ระบบชัด และควบคุม Drawdown ดี TFT คือทางสู่ทุนใหญ่และคืนเงิน ถ้าใหม่หรือยังไม่มั่นคง อาจเสียค่าธรรมเนียมเปล่า เริ่มจาก Demo ก่อน

คำแนะนำ:

  1. ศึกษากฎละเอียด โดยเฉพาะ Drawdown และ Consistency
  2. ประเมินตัวเองซื่อสัตย์
  3. เริ่มชาเลนจ์เล็กเพื่อทดลอง
  4. เน้น Risk Management เสมอ
  5. เช็ภาษีและกฎหมายไทย

TFT น่าเชื่อถือและมีโอกาสดี แต่ต้องชั่งน้ำหนักดีๆ การตัดสินใจรอบคอบจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ The Funded Trader (FAQs)

The Funded Trader ปลอดภัยไหมสำหรับเทรดเดอร์ไทย และมีปัญหาการถอนเงินบ่อยหรือไม่?

The Funded Trader เป็น Prop Firm ที่มีชื่อเสียงและมีประวัติการจ่ายเงินให้กับเทรดเดอร์จริง ทำให้ไม่ได้เป็นบริษัทหลอกลวง (Scam) อย่างไรก็ตาม Prop Firm ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานทางการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ต้องรับทราบ โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ไทยที่อาจกังวลเรื่องกฎหมายในประเทศ

สำหรับปัญหาการถอนเงินนั้น โดยทั่วไปการถอนเงินเป็นไปตามปกติ โดยเฉพาะผ่านสกุลเงินดิจิทัล แต่ก็มีรายงานจากเทรดเดอร์บางรายในชุมชนไทย เช่น Pantip หรือกลุ่มโซเชียลมีเดีย ว่าอาจพบความล่าช้าหรือการตรวจสอบเอกสาร KYC ที่เข้มงวดในบางครั้ง การเตรียมเอกสารให้พร้อมและทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการราบรื่นขึ้น โดยรวมแล้วปัญหาไม่บ่อยหากปฏิบัติตามนโยบาย

ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วม The Funded Trader คุ้มค่ากับโอกาสที่ได้ และสามารถคืนเงินได้จริงหรือไม่?

ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วม The Funded Trader คุ้มค่าหากคุณสามารถผ่านชาเลนจ์ได้สำเร็จ เพราะคุณจะได้รับเงินทุนขนาดใหญ่เพื่อเทรดและมีโอกาสสร้างกำไรที่สูงขึ้นมาก โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ไทยที่ขาดทุนเริ่มต้น

ใช่, ค่าธรรมเนียมสามารถคืนเงินได้จริง โดยปกติแล้วจะคืนให้พร้อมกับการถอนกำไรครั้งแรกของคุณ เมื่อคุณผ่านชาเลนจ์ทั้งสองเฟสและได้รับการจัดสรรบัญชีจริง (Funded Account) นโยบายนี้ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินเริ่มต้นของคุณ และเป็นจุดเด่นที่ทำให้ TFT แตกต่างจากคู่แข่งบางราย

เทรดเดอร์ไทยควรเลือกบัญชีทดสอบแบบไหนใน The Funded Trader เพื่อให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรด?

การเลือกบัญชีทดสอบขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและระดับความมั่นใจของคุณ โดยพิจารณาจากประสบการณ์และเป้าหมาย:

  • **Standard Challenge:** เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ที่ต้องการทดสอบความสามารถด้วยกฎมาตรฐาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับมือใหม่ชาวไทย
  • **Rapid Challenge/Royal Challenge (หรือชื่ออื่นๆ ที่มี):** อาจเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ที่ต้องการความยืดหยุ่นบางประการ หรือมีสไตล์การเทรดที่เร็วขึ้น โดยเฉพาะถ้าคุณเน้นทุนใหญ่ตั้งแต่แรก

คำแนะนำสำหรับเทรดเดอร์ไทย:

  • หากเป็นมือใหม่ ควรเริ่มจากบัญชีที่มีเงินทุนน้อยที่สุดใน Standard Challenge เพื่อทำความคุ้นเคยกับกฎและระบบ โดยไม่เสี่ยงมาก
  • ศึกษาคุณสมบัติของแต่ละบัญชีอย่างละเอียดบนเว็บไซต์ The Funded Trader เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มประเภทบัญชีใหม่ๆ (ที่มา: The Funded Trader Official Website) และลองฝึกใน Demo ก่อนเพื่อเพิ่มโอกาสผ่าน

The Funded Trader รองรับการฝาก-ถอนผ่านช่องทางใดบ้างที่สะดวกสำหรับคนไทย เช่น ธนาคารไทยหรือคริปโต?

สำหรับการฝากเงินเพื่อชำระค่าธรรมเนียมชาเลนจ์และถอนกำไร The Funded Trader รองรับช่องทางที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงช่องทางที่สะดวกสำหรับคนไทย โดยคำนึงถึงความรวดเร็วและค่าธรรมเนียม:

  • สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency): เช่น USDT (TRC-20 หรือ ERC-20) เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่เทรดเดอร์ไทย เนื่องจากความรวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ ซึ่งเหมาะกับคนที่คุ้นเคยกับกระเป๋าเงินดิจิทัล
  • บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์: เช่น Wise (TransferWise) หรือ Payoneer ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการรับเงินระหว่างประเทศ โดยมีค่าธรรมเนียมที่สมเหตุสมผลและอัตราแลกเปลี่ยนที่ดี
  • การโอนเงินผ่านธนาคารระหว่างประเทศ: อาจมีค่าธรรมเนียมสูงและใช้เวลานานกว่า แต่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความปลอดภัยสูง

ไม่รองรับการฝาก-ถอนโดยตรงผ่านธนาคารไทย (เช่น PromptPay) เนื่องจากเป็นบริษัทต่างประเทศ เทรดเดอร์ไทยมักนิยมใช้คริปโตหรือ Wise ในการทำธุรกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในการโอนข้ามชาติ

ถ้าไม่ผ่านชาเลนจ์ The Funded Trader บ่อยๆ จะมีผลเสียอะไรตามมา และมีโอกาสแก้ตัวได้กี่ครั้ง?

ถ้าไม่ผ่านชาเลนจ์บ่อยๆ ผลเสียหลักคือ คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใหม่ทุกครั้งที่ต้องการลองชาเลนจ์อีกครั้ง โดยที่ค่าธรรมเนียมเดิมจะไม่ถูกคืนเงิน ซึ่งอาจสะสมเป็นค่าใช้จ่ายสูงหากไม่ปรับกลยุทธ์

The Funded Trader ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งในการแก้ตัว คุณสามารถเข้าร่วมชาเลนจ์ใหม่ได้กี่ครั้งก็ได้ตามที่คุณต้องการและเต็มใจที่จะจ่ายค่าธรรมเนียม แต่ละครั้งที่คุณเริ่มต้นชาเลนจ์ใหม่ ถือเป็นการเริ่มต้นโอกาสใหม่ทั้งหมด ดังนั้นใช้เป็นโอกาสเรียนรู้เพื่อปรับปรุงครั้งถัดไป

The Funded Trader มีการสนับสนุนภาษาไทยหรือช่องทางติดต่อสำหรับเทรดเดอร์ไทยในกรณีเกิดปัญหาไหม?

โดยปกติแล้ว The Funded Trader ไม่ได้มีการสนับสนุนลูกค้าเป็นภาษาไทยโดยเฉพาะ ช่องทางการติดต่อหลักคือผ่านอีเมลหรือ Live Chat ซึ่งจะให้บริการเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก เพื่อให้ครอบคลุมเทรดเดอร์ทั่วโลก

ในกรณีที่เกิดปัญหา เทรดเดอร์ไทยอาจต้องใช้เครื่องมือแปลภาษาช่วยในการสื่อสาร หรือขอความช่วยเหลือจากชุมชนเทรดเดอร์ไทยในกลุ่มต่างๆ เช่น Pantip หรือ Facebook หากปัญหาซับซ้อน อาจใช้เวลานานในการแก้ไขเนื่องจากข้อจำกัดด้านภาษาและการสื่อสาร แนะนำเตรียมคำถามชัดเจนเพื่อเร่งกระบวนการ

เปรียบเทียบ The Funded Trader กับ FTMO หรือ FundedNext เจ้าไหนเหมาะกับเทรดเดอร์ไทยที่ต้องการทุนใหญ่มากกว่ากัน?

ทั้ง The Funded Trader, FTMO และ FundedNext ล้วนเสนอโอกาสในการเข้าถึงเงินทุนขนาดใหญ่ แต่มีข้อแตกต่างที่เหมาะกับสไตล์ต่างกัน:

  • The Funded Trader: มีชื่อเสียงในการเสนอเงินทุนเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูงและมีแผนการขยายเงินทุนที่น่าสนใจ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทุนใหญ่และมั่นใจในความสามารถ โดยเฉพาะเทรดเดอร์ไทยที่เน้นกำไรระยะยาว
  • FTMO: เป็นผู้นำตลาด มีความน่าเชื่อถือสูงและระบบที่เสถียร แต่กฎอาจเข้มงวดกว่าเล็กน้อย เหมาะกับคนที่ชอบโครงสร้างชัดเจน
  • FundedNext: มีความยืดหยุ่นในประเภทชาเลนจ์ เช่น No Time Limit หรือ One-Step ซึ่งอาจเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการเวลามากขึ้นในการทำกำไร โดยไม่กดดันเรื่องเวลา

สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่เน้น “ทุนใหญ่” โดยเฉพาะ The Funded Trader และ FTMO มักเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ควรเปรียบเทียบกฎ Daily/Overall Drawdown ของแต่ละบริษัทอย่างละเอียดเพื่อดูว่าสอดคล้องกับสไตล์การเทรดของคุณที่สุด และพิจารณาช่องทางการถอนที่สะดวกด้วย

มีเทคนิคหรือกลยุทธ์พิเศษอะไรที่ช่วยให้เทรดเดอร์ไทยผ่านชาเลนจ์ของ The Funded Trader ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง Drawdown?

กลยุทธ์สำคัญในการพิชิตชาเลนจ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง Drawdown คือการปรับตัวให้เข้ากับกฎเข้มงวด:

  • การจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด: จำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งให้น้อยที่สุด (0.5% – 1%) และไม่โอเวอร์เทรดเด็ดขาด เพื่อรักษายอดบัญชีให้อยู่เหนือลิมิต
  • ทำความเข้าใจ Daily Drawdown: ห้ามให้บัญชีขาดทุนเกินขีดจำกัดรายวัน ซึ่งมักจะคิดจากยอดคงเหลือเริ่มต้นของวันหรือยอดสูงสุดที่เคยทำได้ โดยติดตามยอดทุกวันอย่างใกล้ชิด
  • เทรดอย่างมีวินัยและสม่ำเสมอ: หลีกเลี่ยงการเทรดแบบ “ไม้เดียวจบ” หรือพยายามทำกำไรก้อนใหญ่ในเวลาอันสั้น เพราะอาจชนกับกฎ Consistency Rule หรือ Drawdown ซึ่งเป็นปัญหาที่เทรดเดอร์ไทยมักเจอ
  • ใช้ Stop Loss เสมอ: ตั้ง Stop Loss ที่เหมาะสมและยึดติดกับมันเพื่อจำกัดการขาดทุน โดยไม่แก้ไม้เพิ่ม
  • ฝึกฝนใน Demo: สร้างความคุ้นเคยกับกฎเกณฑ์และแพลตฟอร์มก่อนลงสนามจริง เพื่อลดข้อผิดพลาดจากความไม่ชิน

เทรดเดอร์ไทยควรปรับลดพฤติกรรมการ “แก้ไม้” หรือ “ถัวเฉลี่ย” ที่อาจคุ้นเคย เพราะจะขัดแย้งกับกฎ Drawdown ของ Prop Firm การเน้นกำไรเล็กน้อยแต่ต่อเนื่องจะช่วยให้ผ่านได้ง่ายขึ้น

การถอนกำไรจาก The Funded Trader ต้องเสียภาษีในประเทศไทยอย่างไร และมีข้อควรระวังด้านกฎหมายไหม?

การถอนกำไรจาก The Funded Trader เข้ามาในประเทศไทย อาจมีภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื่องจากถือเป็นเงินได้ที่เกิดขึ้นจากต่างประเทศและถูกนำเข้ามาในประเทศในปีภาษีเดียวกัน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(8) ซึ่งอาจต้องเสียภาษีตามอัตราก้าวหน้า

ข้อควรระวังด้านกฎหมาย:

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี: ควรปรึกษาสำนักงานบัญชีหรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีในประเทศไทย เพื่อทำความเข้าใจภาระภาษีที่แท้จริงและวิธีการเสียภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงการยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ 91
  • การตรวจสอบจากธนาคาร: การโอนเงินจำนวนมากจากต่างประเทศอาจถูกตรวจสอบจากธนาคารในประเทศไทยตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (AML) คุณอาจต้องแสดงที่มาของเงินและเอกสารยืนยันเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

สิ่งสำคัญคือต้องโปร่งใสและปฏิบัติตามกฎหมายภาษีของไทยอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับหรือปัญหาทางกฎหมายในอนาคต

ชุมชนเทรดเดอร์ไทยใน Pantip และโซเชียลมีเดียพูดถึง The Funded Trader ว่าอย่างไรบ้าง มีรีวิวเชิงลบที่น่ากังวลไหม?

ในชุมชนเทรดเดอร์ไทย เช่น กลุ่ม Pantip หรือกลุ่ม Facebook เกี่ยวกับ Prop Firm มักมีการพูดถึง The Funded Trader อยู่เสมอ โดยรวมแล้วรีวิวส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงบวกถึงปานกลาง โดยเทรดเดอร์ชื่นชมโอกาสในการเข้าถึงทุนใหญ่และการคืนค่าธรรมเนียม ซึ่งช่วยให้หลายคนมองว่าเป็นทางเลือกที่น่าลองสำหรับชาวไทย

อย่างไรก็ตาม ก็มีรีวิวเชิงลบที่น่ากังวลบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ:

  • ความเข้มงวดของกฎ Drawdown: หลายคนพบว่ายากที่จะผ่านชาเลนจ์เนื่องจากกฎนี้ โดยเฉพาะมือใหม่ที่ไม่ชินกับการจำกัดขาดทุน
  • ความล่าช้าในการถอนเงินหรือการตอบกลับจากฝ่ายสนับสนุน: บางรายประสบปัญหาในการสื่อสารหรือรอการดำเนินการถอนเงินนานกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากปริมาณผู้ใช้สูง
  • การเปลี่ยนแปลงนโยบาย: นโยบายบางอย่างของบริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเทรดเดอร์ที่กำลังเทรดอยู่

คำแนะนำ: ควรติดตามข้อมูลและรีวิวล่าสุดจากหลายแหล่ง และพิจารณาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเทรดเดอร์คนอื่นๆ อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะรีวิวจาก Trustpilot เพื่อภาพรวมที่สมดุล

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *