Safe Haven คืออะไร? ทำไมสินทรัพย์ปลอดภัยจึงสำคัญในการลงทุน
ในแวดวงการลงทุนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความผันผวนจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง นักลงทุนหลายคนมองหา “Safe Haven” หรือที่รู้จักกันในชื่อสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องพอร์ตการลงทุน สินทรัพย์เหล่านี้เปรียบเสมือนเกราะกำบังที่ช่วยรักษามูลค่าทรัพย์สินไว้ได้ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจหรือสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ปัจจัยภายนอกอย่างสงครามการค้า การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน หรือแม้แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถสั่นคลอนตลาดได้ทุกเมื่อ

นิยามของ Safe Haven และสินทรัพย์ปลอดภัย
พูดถึง Safe Haven ในมุมมองของนักลงทุน สิ่งเหล่านี้คือสินทรัพย์ที่คาดหวังว่าจะคงมูลค่าหรือแม้แต่เพิ่มขึ้นได้ ในช่วงที่ตลาดหลักเกิดความปั่นป่วนหรือเผชิญกับวิกฤตใหญ่ ลักษณะเด่นที่ทำให้สินทรัพย์พวกนี้แตกต่างจากตัวเลือกทั่วไป ได้แก่ ความคล่องตัวในการซื้อขาย การยอมรับในวงกว้างระดับโลก และการที่ไม่ผูกติดโดยตรงกับความเคลื่อนไหวของหุ้นหรือตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดปัญหา ดังนั้น จึงกลายเป็นจุดพึ่งพาสำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงและป้องกันความสูญเสียเมื่อสภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย

บทบาทของ Safe Haven ในพอร์ตโฟลิโอ
สิ่งที่ Safe Haven ทำได้ดีที่สุดคือการช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างหุ้นกำลังร่วงลง สินทรัพย์ปลอดภัยเหล่านี้มักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้าม ช่วยรักษาระดับมูลค่าหรือเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยการขาดทุนจากส่วนอื่นๆ ในพอร์ต ทำให้ผู้ลงทุนสามารถรักษาความมั่งคั่งโดยรวมและลดความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ ที่สำคัญกว่านั้น ในช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งสูงหรือเกิดความกังวลเรื่องความมั่นคงของสกุลเงิน Safe Haven ยังช่วยรักษากำลังซื้อของเงินทุนให้คงที่ ตัวอย่างเช่น ระหว่างวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา สินทรัพย์เหล่านี้ได้พิสูจน์บทบาทในการช่วยให้นักลงทุนหลายรายรอดพ้นจากความสูญเสียหนักหน่วง

ประเภทของ Safe Haven ยอดนิยม: สินทรัพย์คลาสสิกที่พิสูจน์แล้ว
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา มีสินทรัพย์หลายกลุ่มที่นักลงทุนทั่วโลกยอมรับว่าเป็น Safe Haven ชั้นนำ แต่ละประเภทล้วนมีจุดเด่นและบทบาทเฉพาะตัวที่ช่วยตอบโจทย์ในสถานการณ์ต่างๆ
ทองคำ: ราชาแห่ง Safe Haven ตลอดกาล
ทองคำถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งสินทรัพย์ปลอดภัยมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้กลายเป็นที่พึ่งยามวิกฤต ทองคำมีปริมาณจำกัด มีมูลค่าด้วยตัวมันเอง และได้รับการยอมรับทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเศรษฐกิจถดถอย เงินเฟ้อรุนแรง หรือความขัดแย้งทางการเมือง ทองคำมักทำหน้าที่เก็บมูลค่าได้อย่างน่าเชื่อถือ
หลายคนสงสัยว่าทำไมทองคำถึงได้รับการยกย่องเช่นนี้ คำตอบอยู่ที่การขาดความเสี่ยงด้านเครดิต ไม่สามารถผลิตเพิ่มได้เหมือนเงินกระดาษ และราคามักเคลื่อนไหวสวนทางกับดอลลาร์สหรัฐหรือตลาดหุ้นในยามที่ความไม่แน่นอนปกคลุม ประวัติศาสตร์หลายครั้ง เช่น วิกฤตการเงินปี 2008 ได้ยืนยันแล้วว่าทองคำคือสินทรัพย์ปลอดภัยที่แท้จริง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำในฐานะตัวเลือกที่น่าเล็งเห็นสำหรับการป้องกันความเสี่ยง
พันธบัตรรัฐบาล: ป้อมปราการความมั่นคง
พันธบัตรรัฐบาล โดยเฉพาะจากประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่งและคะแนนความน่าเชื่อถือสูง เป็นอีกทางเลือกที่มั่นคง พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Treasury Bonds) คือตัวอย่างคลาสสิก เนื่องจากได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลที่ทรงพลัง ทำให้เสี่ยงต่อการผิดนัดชำระต่ำมาก เมื่อเกิดความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ นักลงทุนทั่วโลกจึงมักหันไปถือครองสิ่งเหล่านี้เพื่อความปลอดภัย
สำหรับนักลงทุนในไทย พันธบัตรรัฐบาลไทยเองก็เป็นตัวเลือกที่น่าไว้วางใจ แม้ผลตอบแทนจะไม่หวือหวาเท่าสินทรัพย์เสี่ยง แต่ก็ช่วยลดความผันผวนในพอร์ตได้ดี โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดหุ้นไทยกำลังซบเซา
สกุลเงินหลัก: ดอลลาร์สหรัฐฯ และเยนญี่ปุ่น
นอกเหนือจากทองคำและพันธบัตร สกุลเงินหลักบางตัวก็สามารถทำหน้าที่เป็น Safe Haven ได้เช่นกัน สกุลเงินที่ปลอดภัยมักมาจากประเทศที่มีเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ การเมืองมั่นคง และสถานะสกุลเงินสำรองระดับโลก
* **ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD):** ในฐานะสกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งและเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด ดอลลาร์กลายเป็นที่ต้องการสูงสุดท่ามกลางวิกฤตโลก นักลงทุนมักถือไว้เพื่อความมั่นคงและความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย
* **เงินเยนญี่ปุ่น (JPY):** เยนมักแข็งค่าขึ้นเมื่อตลาดโลกตื่นตระหนก เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ และนักลงทุนญี่ปุ่นชอบดึงเงินกลับประเทศในยามวิกฤต ส่งผลให้ความต้องการเยนพุ่งสูง
Safe Haven ยุคใหม่: คริปโตฯ และสินทรัพย์ดิจิทัล
เมื่อโลกก้าวสู่ยุคดิจิทัล สินทรัพย์รูปแบบใหม่อย่างคริปโตเคอร์เรนซีก็เริ่มเข้ามามีบทบาท และมีการถกเถียงกันว่าสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะ Bitcoin จะก้าวขึ้นมาเป็น Safe Haven ได้จริงหรือไม่
Bitcoin เป็น Safe Haven ได้จริงหรือ?
Bitcoin คริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำ ถูกบางกลุ่มเรียกว่า “ทองคำดิจิทัล” ด้วยคุณสมบัติจำนวนจำกัดและการกระจายอำนาจที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลหรือธนาคารกลาง ซึ่งอาจเป็นจุดแข็งในช่วงที่ระบบการเงินดั้งเดิมถูกท้าทาย อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวาง
จุดเด่นคือการเข้าถึงทั่วโลกโดยไร้พรมแดน แต่จุดอ่อนหลักคือความผันผวนที่รุนแรง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตลาดดิจิทัล ทำให้ Bitcoin ยังไม่สามารถมอบความมั่นคงเทียบเท่า Safe Haven แบบเก่าได้ในทุกกรณี ที่สำคัญ สำหรับนักลงทุนไทย “ข้อกำหนดทางกฎหมายในไทย” และการกำกับดูแลจาก ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ยังอยู่ในขั้นพัฒนา ส่งผลให้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยระยะยาว
มุมมองนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า Bitcoin อาจพัฒนาเป็น Safe Haven ในอนาคต หากตลาดสุกงอมและกฎเกณฑ์ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังแนะนำให้มองมันเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง ไม่เหมาะเป็นแกนหลักในพอร์ต โดยเฉพาะในไทยที่ต้องเผชิญความผันผวนและกฎหมายที่ยังไม่สมบูรณ์ จากมุมมองของ ก.ล.ต. ไทย การลงทุนในดิจิทัลยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากความเสี่ยงสูงและการคุ้มครองที่อาจไม่ครอบคลุมทุกด้าน
กลยุทธ์การลงทุน Safe Haven สำหรับนักลงทุนไทย
การนำ Safe Haven มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพในพอร์ตลงทุน ต้องอาศัยความเข้าใจบริบทและช่องทางที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในประเทศไทย
การเลือก Safe Haven ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
นักลงทุนไทยควรเลือกสินทรัพย์ปลอดภัยโดยอิงจากประเภทวิกฤตที่คาดการณ์:
* **ช่วงเงินเฟ้อสูง:** ทองคำคือตัวเลือกอันดับต้นๆ เพราะช่วยรักษากำลังซื้อได้ดีแม้ค่าเงินจะอ่อนแอ
* **ตลาดหุ้นตกหรือเศรษฐกิจชะลอตัว:** พันธบัตรรัฐบาลจากประเทศเศรษฐกิจแข็งแกร่งจะเป็นที่พึ่งหลัก
* **วิกฤตภูมิรัฐศาสตร์:** ทองคำและสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐจะได้รับความนิยม ด้วยการยอมรับระดับสากล
* **ความไม่แน่นอนในระบบการเงิน:** บางรายอาจหันไปหาทางเลือกอย่าง Bitcoin แม้จะเสี่ยงสูง
การติดตามข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของไทยและนโยบายจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะช่วยให้การตัดสินใจเลือก Safe Haven สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศมากขึ้น เช่น ในช่วงที่ธปท.ปรับอัตราดอกเบี้ย การเลือกพันธบัตรอาจให้ผลดีกว่า
ช่องทางการลงทุน Safe Haven ในประเทศไทย
นักลงทุนไทยมีตัวเลือกหลากหลายในการเข้าถึงสินทรัพย์เหล่านี้:
* **ทองคำ:**
* **กองทุนรวมทองคำ:** สะดวกสำหรับผู้เริ่มต้น มีทั้งแบบลงทุนตรงในทองแท่งหรือสัญญาล่วงหน้า ซื้อผ่านบริษัทจัดการกองทุนหรือธนาคาร
* **บัญชีซื้อขายทองคำแท่ง (Physical Gold Trading Accounts):** เปิดกับร้านทองหรือโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาต ซื้อขายโดยไม่ต้องเก็บเอง
* **ทองคำแท่ง/ทองรูปพรรณ:** ซื้อตรงและเก็บรักษา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถือครองจริงๆ
* **พันธบัตรรัฐบาลไทย:**
* ซื้อผ่านธนาคารพาณิชย์ หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำหรับพันธบัตรออมทรัพย์ที่ขายเป็นรอบๆ ให้ผลตอบแทนแน่นอน
* **สกุลเงินหลัก (ดอลลาร์สหรัฐฯ, เยนญี่ปุ่น):**
* เปิดบัญชีเงินฝากสกุลต่างประเทศกับธนาคาร
* ลงทุนผ่านกองทุนรวมสกุลเงินต่างประเทศ
* แลกเงินผ่านธนาคารหรือร้านที่ได้รับอนุญาต
* **คริปโตเคอร์เรนซี (เช่น Bitcoin):**
* ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มที่ ก.ล.ต. ไทยรับรอง เช่น Bitkub, Satang Pro
อย่าลืมศึกษาภาษีที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาษีจากกำไรขายทองคำ หรือกำไรจากสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในภายหลัง
ข้อควรระวังและข้อจำกัดของ Safe Haven
ถึงแม้ Safe Haven จะเป็นเครื่องมือป้องกันที่ทรงพลัง แต่ก็มาพร้อมข้อจำกัดและความเสี่ยงที่ต้องตระหนัก
ผลตอบแทนที่จำกัดในช่วงภาวะปกติ
ในช่วงเศรษฐกิจปกติและตลาดเติบโต Safe Haven มักให้ผลตอบแทนต่ำ หรือบางครั้งอาจไม่พอต้านเงินเฟ้อ เช่น พันธบัตรรัฐบาลที่ให้ดอกเบี้ยคงที่แต่ไม่สูงนัก หรือทองคำที่ราคาอาจเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หากถือครองมากเกินไปในตลาดขาขึ้น อาจพลาดโอกาสจากสินทรัพย์เสี่ยงสูง นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่างค่าธรรมเนียมจัดการหรือค่าเก็บรักษาทองคำที่ต้องคำนวณให้ดี
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
แม้จะปลอดภัย แต่ก็ไม่ใช่ไร้ความเสี่ยงทั้งหมด:
* **พันธบัตรรัฐบาล:** เสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง หากดอกเบี้ยขึ้น ราคาพันธบัตรเก่าจะลดลง
* **ทองคำ:** อาจขาดสภาพคล่องหากขายจำนวนมากรวดเร็ว หรือเสี่ยงทองปลอมถ้าซื้อจากแหล่งไม่น่าเชื่อถือ
* **สกุลเงินหลัก:** เสี่ยงจากนโยบายการเงินของประเทศนั้น หรืออัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ค่าเงินอ่อนลงเมื่อเทียบกับบาท
* **คริปโตเคอร์เรนซี:** ผันผวนสูง เสี่ยงกฎหมาย และความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม
บทสรุป: สร้างเกราะป้องกันพอร์ตด้วย Safe Haven อย่างชาญฉลาด
Safe Haven คือองค์ประกอบสำคัญที่นักลงทุนทุกประเภทควรรวมไว้ในพอร์ต โดยเฉพาะในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง การเข้าใจว่าสินทรัพย์ปลอดภัยคืออะไรและประเภทไหนเหมาะกับสถานการณ์ จะช่วยให้สามารถปกป้องทุนและวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นใจ
การจัดสรรสัดส่วนอย่างสมดุลตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับและเป้าหมาย จะทำให้พอร์ตทั้งหมดมีสมดุล รองรับความผันผวนได้ดี และยังคงโอกาสเติบโตในระยะยาว โดยสรุป Safe Haven ไม่ใช่แค่เครื่องมือป้องกัน แต่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนที่ยั่งยืน
1. อะไรคือความแตกต่างระหว่าง Safe Haven กับสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Hedging Asset) ในบริบทการลงทุนของไทย?
Safe Haven คือสินทรัพย์ที่ช่วยรักษาหรือเพิ่มมูลค่าในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโดยรวม โดยไม่ต้องผูกติดกับสินทรัพย์อื่นที่ถืออยู่ ส่วนสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Hedging Asset) ใช้ชดเชยความเสี่ยงเฉพาะเจาะจง เช่น ใช้ Put Option ป้องกันหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ในไทย นักลงทุนอาจใช้ทองคำเป็น Safe Haven แต่เลือก Derivatives เพื่อ Hedging หุ้นไทยโดยตรง
2. นักลงทุนไทยควรเริ่มลงทุนใน Safe Haven อย่างไร และมีช่องทางไหนบ้างที่เข้าถึงได้ง่าย?
เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยสินทรัพย์ที่คุ้นเคย เช่น:
- ทองคำ: ผ่านกองทุนรวมทองคำที่ลงทุนในทองแท่งหรือ Gold Futures (ซื้อจาก บลจ. หรือธนาคาร) หรือซื้อทองแท่ง/รูปพรรณจากร้านทอง
- พันธบัตรรัฐบาล: ซื้อพันธบัตรออมทรัพย์จากกระทรวงการคลังผ่านธนาคาร
- สกุลเงินต่างประเทศ: เปิดบัญชี FCD กับธนาคาร หรือกองทุนรวมสกุลเงินหลัก
3. การลงทุนในทองคำผ่านกองทุนรวมทองคำ กับการซื้อทองคำแท่ง มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไรสำหรับคนไทย?
- กองทุนรวมทองคำ:
- ข้อดี: ง่าย สตาร์ทด้วยเงินน้อย กระจายเสี่ยง ไม่มีค่าเก็บ ไม่เสี่ยงทองปลอม
- ข้อเสีย: ค่าจัดการ ค่าซื้อขาย ราคาตามตลาดโลก ไม่ได้ถือทองจริง
- ซื้อทองคำแท่ง:
- ข้อดี: ถือทองจริง ใช้เป็นหลักประกันได้
- ข้อเสีย: ต้องใช้เงินก้อน ค่ากำเหน็จสูง เสี่ยงเก็บรักษาและทองปลอม
4. นอกจากทองคำแล้ว มีสินทรัพย์อะไรอีกบ้างที่คนไทยนิยมใช้เป็น Safe Haven ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน?
นอกจากทองคำ พันธบัตรรัฐบาลไทยเป็นที่นิยมเพราะเสี่ยงต่ำและมั่นคง การถือเงินสดสกุลหลักอย่างดอลลาร์ผ่าน FCD ก็ช่วยลดเสี่ยงจากบาทอ่อนในวิกฤต
5. Bitcoin หรือคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ถือเป็น Safe Haven ที่เชื่อถือได้ในระยะยาวสำหรับตลาดไทยหรือไม่? (ควรพิจารณาจากมุมมองของ ก.ล.ต. ไทยด้วย)
ปัจจุบัน Bitcoin และคริปโตอื่นๆ ยังไม่ใช่ Safe Haven ที่น่าเชื่อถือระยะยาวในไทย เนื่องจากผันผวนสูงและกฎระเบียบยังพัฒนา ก.ล.ต. ไทยเตือนถึงความเสี่ยงและแนะนำลงทุนอย่างระวัง ถึงมีศักยภาพ แต่ต้องรอกฎเกณฑ์ชัดเจนกว่าจะยอมรับเต็มตัว
6. จะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการจัดสรรเงินไปลงทุนใน Safe Haven?
ไม่มีเวลาที่แน่นอน แต่พิจารณาจากสัญญาณไม่แน่นอน เช่น:
- เงินเฟ้อพุ่งต่อเนื่อง
- ตลาดหุ้นร่วงหรือผันผวนหนัก
- วิกฤตภูมิรัฐศาสตร์หรือขัดแย้ง
- ธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ยเร็ว
การถือ Safe Haven ไว้ล่วงหน้าสม่ำเสมอดีกว่าพยายามจับจังหวะ
7. การถือครองเงินสดสกุลต่างประเทศ (เช่น USD) จำนวนมาก ถือเป็นกลยุทธ์ Safe Haven ที่ดีสำหรับนักลงทุนไทยหรือไม่?
ถือครอง USD สามารถเป็นกลยุทธ์ดีในบางกรณี โดยเฉพาะเมื่อบาทอ่อนหรือเศรษฐกิจไทยสั่นคลอน แต่การถือเงินสดมากอาจเสียโอกาสผลตอบแทนและกระทบเงินเฟ้อ ควรใช้เป็นส่วนกระจายเสี่ยง ไม่ใช่ทั้งพอร์ต
8. ควรจัดสรรสัดส่วนของ Safe Haven ในพอร์ตการลงทุนเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ?
สัดส่วนขึ้นกับความเสี่ยงที่ยอมรับและเป้าหมาย:
- รับเสี่ยงต่ำ: 20-40% ใน Safe Haven
- รับเสี่ยงปานกลาง: 10-20%
- รับเสี่ยงสูง: 5-10%
ในวิกฤตอาจเพิ่มชั่วคราว แล้วลดเมื่อคลี่คลาย ปรับตามแผนระยะยาว
9. มีค่าธรรมเนียมหรือภาษีอะไรบ้างที่นักลงทุนไทยควรรู้เมื่อลงทุนใน Safe Haven แต่ละประเภท?
- ทองคำ: ค่าซื้อขาย (Bid-Ask Spread) ค่าบล็อกสำหรับแท่ง กำเหน็จสำหรับรูปพรรณ ภาษี: กำไรขายแท่งไม่เสียภาษีบุคคลธรรมดา แต่รูปพรรณอาจต้องเช็คกฎ
- พันธบัตรรัฐบาล: ไม่มีค่าซื้อขายสำหรับออมทรัพย์ ดอกเบี้ยหักภาษี 15%
- สกุลเงินต่างประเทศ: ค่าแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ย FCD หักภาษีตามกฎ
- คริปโตเคอร์เรนซี: ค่าซื้อขาย กำไร Capital Gains หรือ Staking หักภาษี 15%
10. Safe Haven จะยังคงมีบทบาทสำคัญในอนาคตของตลาดการเงินไทยหรือไม่ และมีแนวโน้มอย่างไร?
Safe Haven จะยังสำคัญมากในตลาดไทย เนื่องจากความผันผวนโลกหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนวโน้มคือทองคำและพันธบัตรยังเป็นหลัก แต่สินทรัพย์ดิจิทัลอาจเพิ่มบทบาทหากตลาดสุกงอมและกฎชัด นักลงทุนไทยยังต้องการเครื่องมือป้องกันเสี่ยงและรักษามูลค่าเสมอ