Pending Order: ทำไมนักเทรดต้องรู้? 4 ประเภทหลักและวิธีใช้สู่มืออาชีพ

Table of Contents

Pending Order คืออะไร? ทำไมนักเทรดต้องรู้?

คำสั่ง Pending Order หรือที่เรียกอีกอย่างว่าคำสั่งรอการดำเนินการ คือเครื่องมือที่นักลงทุนกำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ระบบซื้อขายเปิดหรือปิดตำแหน่งอัตโนมัติเมื่อราคาในตลาดถึงระดับที่ตั้งใจไว้ เครื่องมือนี้ช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์ได้อย่างมีระเบียบ โดยไม่จำเป็นต้องจับตาหน้าจอตลอดเวลา รอจังหวะเข้าหรือออกจากตลาดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ หุ้น หรืออนุพันธ์อย่าง TFEX ก็ตาม

ภาพประกอบนักเทรดตั้งค่าคำสั่ง Pending Order อัตโนมัติบนหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกราฟการเทรดในพื้นหลัง

การนำ Pending Order มาใช้มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อจับการเคลื่อนไหวของราคาที่คาดการณ์ไว้ให้ตรงจุดมากที่สุด และยังช่วยจัดการความเสี่ยงได้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดแกว่งไกวรุนแรง การตั้งคำสั่งล่วงหน้าช่วยป้องกันการพลาดโอกาสสำคัญ พร้อมรักษากฎเกณฑ์การเทรดตามแผนที่วางไว้ คำสั่งเหล่านี้เหมือนผู้ช่วยที่ทำงานแทนคุณได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเวลาที่คุณไม่ว่างเฝ้าตลาด

ภาพประกอบหุ่นยนต์ผู้ช่วยจัดการความเสี่ยงและจับโอกาสการเทรดบนกราฟการเงิน

4 ประเภทหลักของ Pending Order ที่ควรรู้

นักเทรดทุกคนควรเข้าใจ Pending Order ทั้งสี่ประเภทให้ถ่องแท้ เพื่อเลือกใช้ให้ตรงกับสภาพตลาดและแผนการเทรดของตัวเองอย่างเหมาะสม

ภาพประกอบนักเทรดศึกษาสี่ประเภทหลักของ Pending Order ที่แสดงด้วยไอคอนและกราฟที่แตกต่าง

Buy Limit: เข้าซื้อที่ราคาต่ำกว่าปัจจุบัน

Buy Limit คือคำสั่งเปิดตำแหน่งซื้อ โดยใช้เมื่อคาดว่าราคาปัจจุบันจะร่วงลงมาถึงระดับที่ตั้งใจ แล้วจะเด้งกลับขึ้นไป นักเทรดตั้งจุดนี้ไว้ต่ำกว่าราคาตลาดตอนนี้ พอราคาลงมาถึง ระบบจะเปิดซื้อให้ทันทีโดยไม่ต้องรอ

ตัวอย่างเช่น ถ้า EUR/USD อยู่ที่ 1.1000 และคุณคิดว่าราคาจะลงไป 1.0950 ก่อนขึ้นกลับ ก็ตั้ง Buy Limit ที่ 1.0950 เพื่อซื้อตอนราคาย่อตัวลงมา

Sell Limit: ขายออกที่ราคาสูงกว่าปัจจุบัน

Sell Limit คือคำสั่งเปิดตำแหน่งขาย สำหรับกรณีที่คาดว่าราคาจะขึ้นไปถึงจุดที่ต้องการก่อนจะหันหัวลงมา ตั้งจุดนี้ไว้สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน พอราคาขึ้นถึง ระบบจะเปิดขายอัตโนมัติ

ตัวอย่าง ถ้า GBP/JPY อยู่ที่ 150.00 และคุณเชื่อว่าราคาจะขึ้นไป 150.50 แล้วร่วง ก็ตั้ง Sell Limit ที่ 150.50 เพื่อขายตอนราคาพุ่งขึ้น

Buy Stop: เข้าซื้อเมื่อราคาพุ่งทะลุ

Buy Stop คือคำสั่งเปิดซื้อ สำหรับคาดการณ์ว่าราคาจะทะลุระดับแนวต้านสำคัญขึ้นไป แล้วเคลื่อนต่อในแนวโน้มขาขึ้น ตั้งจุดนี้สูงกว่าราคาปัจจุบัน พอราคาขึ้นถึง ระบบเปิดซื้อให้เลย

ตัวอย่าง ถ้าทองคำอยู่ที่ 1800 ดอลลาร์ และคุณคิดว่าถ้าทะลุ 1810 จะไปต่อ ก็ตั้ง Buy Stop ที่ 1810 เพื่อซื้อตอนทะลุแนวต้าน

Sell Stop: ขายออกเมื่อราคาดิ่งลง

Sell Stop คือคำสั่งเปิดขาย สำหรับคาดว่าราคาจะทะลุแนวรับลงไป แล้วเคลื่อนต่อขาลง ตั้งจุดนี้ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน พอราคาลงถึง ระบบเปิดขายทันที มักใช้ตัดขาดทุนหรือตามแนวโน้มลง

ตัวอย่าง ถ้า SET Index อยู่ที่ 1600 จุด และคุณเชื่อว่าถ้าหลุด 1590 จะเทขายหนัก ก็ตั้ง Sell Stop ที่ 1590 เพื่อขายตอนราคาดิ่ง

Pending Order แตกต่างจาก Market Order อย่างไร?

นักเทรดควรรู้จักความต่างระหว่าง Pending Order กับ Market Order เพื่อเลือกใช้ให้ตรงกับสถานการณ์และกลยุทธ์ของตัวเอง

Market Order คือคำสั่งที่ดำเนินการทันทีในราคาตลาดที่ดีที่สุดตอนนั้น ทำให้เข้าหรือออกจากตลาดได้เร็ว แต่ควบคุมราคาไม่ได้เต็มที่ เพราะราคาอาจเปลี่ยนแปลงในชั่วพริบตา

ส่วน Pending Order ช่วยให้กำหนดราคาเข้า-ออกได้ล่วงหน้า ทำให้ควบคุมได้ละเอียดยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับวางแผนและจัดการความเสี่ยง

ตารางเปรียบเทียบ Pending Order กับ Market Order:

| คุณสมบัติ | Pending Order (คำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ) | Market Order (คำสั่งตลาด) |
| :—————- | :——————————————————————- | :——————————————————- |
| **การดำเนินการ** | ดำเนินการเมื่อราคาถึงจุดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า | ดำเนินการทันที ณ ราคาตลาดปัจจุบันที่ดีที่สุด |
| **การควบคุมราคา** | สูง (กำหนดราคาเข้า/ออกได้เอง) | ต่ำ (ยอมรับราคาตลาด ณ ขณะนั้น) |
| **ความทันที** | ไม่ทันที (รอเงื่อนไขราคา) | ทันที |
| **การเฝ้าตลาด** | ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจออยู่ตลอดเวลา | อาจต้องเฝ้าหน้าจอเพื่อหาจังหวะที่เหมาะสม |
| **เหมาะสำหรับ** | วางแผนกลยุทธ์ล่วงหน้า, ควบคุมความเสี่ยง, จับจังหวะที่แม่นยำ | ต้องการเข้า/ออกจากตลาดอย่างรวดเร็ว, ต้องการการดำเนินการทันที |

ข้อดีและข้อควรพิจารณาของการใช้ Pending Order

การใช้ Pending Order มีทั้งคุณประโยชน์และจุดที่ต้องคิดให้ดี เพื่อให้นักเทรดตัดสินใจได้รอบคอบและนำไปใช้ในแผนการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อดี (Advantages)

Pending Order ช่วยให้นักเทรดทำงานได้ดีขึ้นและมีวินัยมากกว่า ดังนี้

1. **ประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพ:** ไม่ต้องนั่งเฝ้าหน้าจอตลอด ตั้งคำสั่งไว้แล้วให้ระบบจัดการเอง
2. **เพิ่มวินัยในการเทรด:** ยึดตามแผนที่วางไว้ ไม่ปล่อยให้อารมณ์หรือความแกว่งไกวระยะสั้นมาคลาดเคลื่อน
3. **จับจังหวะราคาที่แม่นยำ:** เข้าหรือออกตลาดในราคาที่ต้องการได้ตรงจุด เหมาะกับกลยุทธ์ที่เน้นราคาเฉพาะ
4. **บริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น:** ตั้ง Stop Loss และ Take Profit พร้อมกันได้เลย กำหนดความเสี่ยงและผลตอบแทนก่อนเทรดจริง

ข้อควรพิจารณา (Considerations)

ถึงจะดีแค่ไหน แต่ก็มีเรื่องที่ต้องระวัง เช่น

1. **ความเสี่ยงจาก Slippage:** ในตลาดผันผวนหรือช่วงข่าวใหญ่ ราคาอาจเคลื่อนเร็ว คำสั่งอาจเปิดที่ราคาไม่ตรงตามที่ตั้ง
2. **คำสั่งอาจไม่ถูกเรียกใช้งาน:** ถ้าราคาไม่ถึงจุดที่ตั้ง คำสั่งก็ยังค้างอยู่ อาจพลาดโอกาสอื่น
3. **ความจำเป็นในการวิเคราะห์ตลาด:** ต้องวิเคราะห์ดีๆ ก่อนตั้ง ไม่ใช่สุ่มๆ เพื่อให้ราคาที่เลือกเหมาะสม
4. **คำสั่งหมดอายุ:** บางคำสั่งมีกำหนดเวลา ถ้าไม่ถึงภายในเวลานั้น คำสั่งจะถูกยกเลิกเอง

วิธีการตั้งค่า Pending Order บนแพลตฟอร์มยอดนิยม (MT4/MT5)

MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) เป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตสำหรับเทรดฟอเร็กซ์และ TFEX ในไทย การตั้ง Pending Order ทำได้ไม่ยาก ขั้นตอนคล้ายกัน

**ขั้นตอนการตั้งค่า Pending Order บน MT4/MT5:**

1. **เปิดหน้าต่างคำสั่งซื้อขาย:**
* คลิกขวาที่คู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ใน “Market Watch” แล้วเลือก “New Order” หรือ
* ไปเมนู “Tools” เลือก “New Order” หรือ
* กด F9
2. **เลือกประเภทคำสั่ง:**
* ในหน้าต่าง “Order” ดูช่อง “Type”
* คลิกดรอปดาวน์ เลือก “Pending Order”
3. **เลือกประเภท Pending Order:**
* จะมีตัวเลือก Buy Limit, Sell Limit, Buy Stop, Sell Stop
4. **กำหนดราคา (Price):**
* ใส่ราคาที่ต้องการในช่อง “Price”
* **สำคัญ:** ตรวจสอบให้ตรงประเภท เช่น Buy Limit ต่ำกว่าปัจจุบัน, Sell Limit สูงกว่าปัจจุบัน
5. **กำหนดปริมาณการซื้อขาย (Volume/Lots):**
* ใส่ขนาด Lot ในช่อง “Volume”
6. **ตั้งค่า Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) (ไม่บังคับ แต่แนะนำอย่างยิ่ง):**
* ใส่ราคา SL และ TP ในช่องนั้นๆ เพื่อจัดการความเสี่ยงและล็อกกำไร
7. **กำหนดวันหมดอายุ (Expiry – ไม่บังคับ):**
* ใส่ในช่อง “Expiry” ถ้าไม่ต้องการให้ค้างนาน เลือก “Good Till Cancel” (GTC) หรือตั้งวันที่เฉพาะ
8. **ส่งคำสั่ง:**
* เช็คข้อมูลให้ครบ แล้วคลิก “Place”
* คำสั่งจะโชว์ในแท็บ “Trade” ของ “Terminal” รอราคาถึง
* สำหรับเทรดเดอร์ไทย ตรวจ Time Zone ให้ตรงกับเวลาท้องถิ่นหรือโบรกเกอร์ เพื่อความแม่นยำ

*(ในส่วนนี้ควรมีรูปภาพหน้าจอประกอบขั้นตอนการตั้งค่าบน MT4/MT5 เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพชัดเจน)*

กลยุทธ์การใช้ Pending Order ขั้นสูงสำหรับนักเทรดไทย

Pending Order ไม่ได้จำกัดแค่การเข้า-ออกพื้นฐาน แต่สามารถนำไปใช้ในกลยุทธ์ซับซ้อน เพื่อเพิ่มกำไรและลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด

ผสมผสาน Pending Order กับการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การผสาน Pending Order กับเทคนิคอลช่วยสร้างกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง นักเทรดใช้เครื่องมือวิเคราะห์หาจุดเข้า-ออก แล้วให้ Pending Order ทำงานตามนั้น

* **แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance):**
* **Buy Limit ที่แนวรับ:** ถ้าแนวรับแข็ง ตั้ง Buy Limit ที่นั่น รอราคาเด้งกลับ
* **Sell Limit ที่แนวต้าน:** ถ้าแนวต้านแน่น ตั้ง Sell Limit รอราคากลับลง
* **Buy Stop เหนือแนวต้าน:** ถ้าคาดทะลุขึ้น ตั้ง Buy Stop เหนือเล็กน้อย รอ Breakout
* **Sell Stop ใต้แนวรับ:** ถ้าคาดทะลุลง ตั้ง Sell Stop ใต้เล็กน้อย รอ Breakout
* **Fibonacci Retracement:**
* ใช้ระดับ 38.2%, 50%, 61.8% หาจุดย่อ ตั้ง Buy Limit หรือ Sell Limit ที่ระดับเหล่านั้น
* **Moving Average (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่):**
* ใช้การตัดกันหรือแตะเส้น MA เป็นสัญญาณ ตั้ง Pending Order รอราคาถึงเส้นสำคัญ
* **รูปแบบกราฟ (Chart Patterns):**
* พอเจอ Head & Shoulders, Double Top/Bottom หรือ Triangle ตั้ง Buy Stop/Sell Stop รอ Breakout

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถศึกษาได้จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย SET Investor Classroom.

การใช้ Pending Order เพื่อจัดการความเสี่ยงและทุน

การจัดการความเสี่ยงคือหัวใจของการเทรดที่ยั่งยืน และ Pending Order ช่วยได้เยอะ

* **การกำหนด Stop Loss และ Take Profit ล่วงหน้า:**
* ตั้ง Pending Order แล้วใส่ SL และ TP ทันที
* **Stop Loss:** จำกัดขาดทุนสูงสุด ถ้าตลาดสวนทาง
* **Take Profit:** ล็อกกำไรตอนถึงเป้า ป้องกันราคากลับ
* ช่วยให้มีแผนครบตั้งแต่แรก ไม่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ทีหลัง
* **การคำนวณขนาด Position (Position Sizing):**
* ก่อนตั้ง คำนวณขนาดตำแหน่งตามทุนและความเสี่ยงที่รับได้
* เทรดเดอร์โปรจำกัดเสี่ยง 1-2% ต่อเทรด
* ช่วยเทรดยั่งยืน แม้ขาดทุนติดต่อกัน

ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงในการลงทุนสามารถดูได้จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมักมีบทความเกี่ยวกับการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงิน.

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ Pending Order และวิธีหลีกเลี่ยง

Pending Order มีประสิทธิภาพ แต่เทรดเดอร์ไทยมือใหม่มักพลาดจุดสำคัญ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลเสีย การรู้จักและหลีกเลี่ยงจะช่วยให้เทรดฉลาดขึ้น

* **1. การตั้งราคา Pending Order ที่ไม่สมเหตุสมผล:**
* **ข้อผิดพลาด:** ตั้ง Buy Limit ต่ำเกินหรือ Sell Limit สูงเกิน ไม่ตรงตลาด หรือ Buy Stop/Sell Stop ใกล้เกินจนโดน SL บ่อย
* **วิธีหลีกเลี่ยง:** วิเคราะห์เทคนิคอลดีๆ (แนวรับ/ต้าน, Fibonacci, รูปแบบกราฟ) ฝึกอ่านกราฟเข้าใจพฤติกรรมราคา
* **2. ไม่มีการตั้ง Stop Loss และ Take Profit:**
* **ข้อผิดพลาด:** ตั้ง Pending โดยไม่ใส่ SL/TP ทำให้ขาดทุนหนักหรือพลาดกำไรตอนราคากลับ
* **วิธีหลีกเลี่ยง:** ใส่ SL/TP ทุกครั้ง เป็นส่วนหนึ่งของแผนเสมอ
* **3. การเพิกเฉยต่อข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน:**
* **ข้อผิดพลาด:** ตั้งโดยไม่ดูข่าวใหญ่ (ดอกเบี้ย, GDP) อาจโดน Slippage หรือราคาสวนรุนแรง
* **วิธีหลีกเลี่ยง:** เช็ค Economic Calendar ติดตามข่าว หลีกเลี่ยงตั้งใกล้ข่าวแรงถ้าไม่แน่ใจทิศทาง
* **4. การใช้ขนาด Position ที่ใหญ่เกินไป:**
* **ข้อผิดพลาด:** Lot ใหญ่เกินทุนรับไม่ไหว ขาดทุนเล็กๆ ก็เจ็บหนัก
* **วิธีหลีกเลี่ยง:** คำนวณ Position ตาม % เสี่ยง (1-2%) และระยะ SL
* **5. การปล่อย Pending Order ค้างไว้โดยไม่ทบทวน:**
* **ข้อผิดพลาด:** ตั้งแล้วทิ้งไว้นาน ไม่เช็คตลาดเปลี่ยนหรือแผนเปลี่ยน
* **วิธีหลีกเลี่ยง:** ตรวจ Pending เป็นประจำ ถ้าไม่เหมาะ ยกเลิกหรือปรับ

สรุป: Pending Order เครื่องมือสำคัญสู่การเทรดอย่างมืออาชีพ

Pending Order คือคำสั่งรอการดำเนินการที่ทรงพลังและจำเป็นสำหรับนักเทรดที่ต้องการความแม่นยำ วินัย และประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเทรดฟอเร็กซ์ หุ้น หรือ TFEX การเข้าใจและใช้ Buy Limit, Sell Limit, Buy Stop, Sell Stop อย่างถูกต้อง ช่วยวางแผนเทรดได้ระบบ และรับมือความผันผวนได้ดี

การใช้บน MT4/MT5 ไม่เพียงช่วยเข้าออกตลาดในราคาที่ต้องการ แต่ยังจัดการความเสี่ยงด้วย SL/TP ซึ่งเป็นแกนหลักของการเทรดยั่งยืน การผสานกับเทคนิคอลและจัดการความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด จะยกระดับการเทรด หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด นำไปสู่ความสำเร็จในตลาดการเงินไทย

คําสั่ง Pending Order คืออะไร และแตกต่างจากคําสั่ง Market Order อย่างไร?

Pending Order คือคำสั่งซื้อขายที่ตั้งไว้ล่วงหน้า จะถูกดำเนินการเมื่อราคาตลาดมาถึงจุดที่กำหนดไว้ ช่วยให้ควบคุมราคาได้แม่นยำ ไม่ต้องเฝ้าจอ ส่วน Market Order คือคำสั่งซื้อขายที่ดำเนินการทันที ณ ราคาตลาดปัจจุบันที่ดีที่สุด ซึ่งอาจมีการคลาดเคลื่อนจากราคาที่เห็นเล็กน้อย

นักเทรดมือใหม่ควรเริ่มใช้ Pending Order ประเภทไหนก่อน?

สำหรับนักเทรดมือใหม่ ควรเริ่มต้นด้วย Buy Limit และ Sell Limit ก่อน เพราะเป็นคำสั่งที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา และช่วยให้คุณคุ้นเคยกับการกำหนดราคาเข้า/ออกที่ต้องการ โดยยังคงซื้อขายในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลัก

การตั้งค่า Buy Limit และ Sell Stop บนแพลตฟอร์ม MT4/MT5 มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

โดยทั่วไปคือ 1. เปิดหน้าต่างคำสั่งซื้อขายใหม่ (Ctrl+N หรือ F9) 2. เลือก “Pending Order” ในช่อง “Type” 3. เลือก “Buy Limit” หรือ “Sell Stop” 4. กรอกราคาที่ต้องการ (Buy Limit ต่ำกว่าปัจจุบัน, Sell Stop ต่ำกว่าปัจจุบัน) 5. กำหนด Volume, Stop Loss, Take Profit (ถ้ามี) 6. กด “Place”

Pending Order ช่วยลดความเสี่ยงในการเทรดได้อย่างไร?

Pending Order ช่วยลดความเสี่ยงได้โดยการอนุญาตให้คุณตั้ง Stop Loss และ Take Profit ไปพร้อมกันกับคำสั่งเข้า โดยคุณสามารถกำหนดความเสี่ยงสูงสุดที่ยอมรับได้และกำไรที่คาดหวังไว้ล่วงหน้า ทำให้การเทรดมีวินัยและเป็นไปตามแผน

ถ้าตั้ง Pending Order ไว้แล้ว แต่ราคาไม่ถึง จะเกิดอะไรขึ้น?

หากตั้ง Pending Order ไว้แล้ว แต่ราคาตลาดไม่เคยเคลื่อนที่มาถึงระดับราคาที่คุณกำหนดไว้ คำสั่งนั้นก็จะไม่ถูกเรียกใช้งาน และจะยังคงอยู่ในสถานะ “Pending” ในบัญชีของคุณ จนกว่าคุณจะยกเลิก หรือคำสั่งหมดอายุ (ถ้ามีการตั้งค่า Expiry)

มีข้อควรระวังอะไรบ้างในการใช้ Pending Order ในตลาดที่มีความผันผวนสูง?

ในตลาดที่มีความผันผวนสูง ควรระวังเรื่อง Slippage (ราคาที่เปิดสถานะจริงอาจคลาดเคลื่อนจากที่ตั้งไว้) และการที่ราคาอาจพุ่งหรือดิ่งผ่านจุดที่คุณตั้ง Pending Order ไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เกิดการกลับตัว ควรใช้ Stop Loss ที่เหมาะสมและพิจารณาข่าวสารสำคัญ

Pending Order สามารถใช้กับเครื่องมือทางการเงินประเภทใดได้บ้างในประเทศไทย เช่น Forex หรือ TFEX?

Pending Order สามารถใช้ได้กับเครื่องมือทางการเงินหลากหลายประเภทที่อนุญาตให้มีการซื้อขายล่วงหน้า เช่น คู่สกุลเงินในตลาด Forex, หุ้นบางประเภท (ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และตลาด), และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX (เช่น SET50 Futures, Gold Futures)

การตั้งค่า Take Profit และ Stop Loss ร่วมกับ Pending Order มีความสำคัญอย่างไร?

มีความสำคัญอย่างยิ่ง การตั้ง Take Profit ช่วยให้คุณล็อกกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ป้องกันการกลับตัวของราคาที่อาจทำให้กำไรหายไป ส่วน Stop Loss ช่วยจำกัดการขาดทุนสูงสุดที่คุณยอมรับได้ หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดการณ์ ถือเป็นหัวใจของการบริหารความเสี่ยง

มีกลยุทธ์ใดที่แนะนำสำหรับการใช้ Pending Order ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคบ้าง?

กลยุทธ์ที่แนะนำ ได้แก่ การตั้ง Buy Limit ที่แนวรับ/Sell Limit ที่แนวต้าน, การใช้ Buy Stop/Sell Stop เพื่อ Breakout Trade เมื่อราคาทะลุแนวรับ/แนวต้านสำคัญ, หรือการใช้ระดับ Fibonacci Retracement เพื่อระบุจุดเข้า Buy/Sell Limit ที่เป็นไปได้

Pending(PO) หมายถึงอะไรในบริบทของการเทรด?

ในบริบทของการเทรด Pending(PO) เป็นตัวย่อของ “Pending Order” ซึ่งหมายถึงคำสั่งซื้อขายที่รอดำเนินการ โดยจะถูกดำเนินการโดยอัตโนมัติเมื่อราคาตลาดถึงเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เป็นการวางแผนการเข้าหรือออกจากการเทรดโดยไม่จำเป็นต้องเฝ้าจอ

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *