บทนำ: Scalping Trade คืออะไร? ทำไมเทรดเดอร์ต้องรู้?
ในแวดวงการเทรดที่เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์ Scalping Trade ได้กลายเป็นหนึ่งในวิธีการที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในตลาด Forex ที่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยหันมาสนใจ เพื่อหวังทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระดับเล็กๆ น้อยๆ กลยุทธ์นี้ช่วยให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่การเคลื่อนไหวของราคาเพียงไม่กี่จุดก็ตาม

Scalping Trade หมายถึงการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินในช่วงเวลาสั้นๆ สุดขีด โดยมุ่งเป้าหมายไปที่การเก็บเกี่ยวกำไรจากความเปลี่ยนแปลงของราคาแค่ไม่กี่ Pip ต่อครั้ง แม้กำไรแต่ละรายการจะดูน้อยนิด แต่เมื่อรวมเข้าด้วยกันจากการเทรดหลายร้อยครั้ง ก็สามารถนำไปสู่ผลตอบแทนที่น่าประทับใจได้ บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกมุมมองของ Scalping Trade ตั้งแต่หลักพื้นฐานไปจนถึงเทคนิคขั้นสูง การจัดการความเสี่ยง และคำแนะนำเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ในประเทศไทย เพื่อช่วยให้คุณประเมินว่าวิธีนี้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณจริงหรือไม่
Scalping Trade คืออะไร? ทำความเข้าใจแก่นแท้ของการเทรดสั้น
Scalping Trade คือรูปแบบการเทรดที่ให้ความสำคัญกับความรวดเร็วและจำนวนครั้งที่สูง โดยมุ่งทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย แล้วปิดตำแหน่งอย่างฉับไว เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนจากแนวโน้มตลาดในระยะยาว

คำจำกัดความของ Scalping Trade
Scalping Trade คือกลยุทธ์ที่นักเทรดเปิดและปิดออเดอร์ภายในเวลาอันสั้นมากๆ บางครั้งแค่ไม่กี่วินาทีหรือนาที โดยหวังสะสมกำไรน้อยๆ แต่บ่อยครั้งจากความผันผวนเล็กๆ ในตลาด คำว่า “scalping” มาจากการชำแหละหรือถลกหนัง ซึ่งเปรียบได้กับการดึงกำไรทีละน้อยออกมาจากตลาดอย่างต่อเนื่องและฉับพลัน
ต่างจากการเทรดระยะยาวที่อาจถือสถานะนานหลายชั่วโมงหรือวัน Scalping เน้นการใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องสูงของตลาดและช่วงราคาที่แกว่งไกวเบาๆ เพื่อสร้างผลกำไรโดยรวมที่มั่นคง
Scalper Trader คืออะไร? คุณสมบัติสำคัญของนัก Scalper
Scalper Trader คือผู้ที่นำกลยุทธ์ Scalping มาใช้ในการลงทุน พวกเขาต้องมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากเทรดเดอร์ทั่วไปชัดเจน เช่น
วินัยที่เข้มงวด: ต้องยึดมั่นในแผนเทรดและกฎจัดการความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด เพราะความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจล้างผลกำไรทั้งหมดที่สะสมมา
ความรวดเร็วในการตัดสินใจ: ด้วยตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว Scalper ต้องวิเคราะห์และสั่งซื้อขายได้ในชั่วพริบตา
ความแม่นยำสูง: แม้กำไรต่อเทรดจะน้อย แต่ต้องจับจุดเข้า-ออกให้ตรง เพื่อให้เทรดส่วนใหญ่เป็นบวก
สมาธิและความอดทน: การจับตากราฟนานๆ และเทรดหลายครั้งต่อวัน ต้องใช้ความตั้งใจและความใจเย็นอย่างมาก
การควบคุมอารมณ์: ความกดดันจากเทรดถี่ๆ อาจทำให้พลาดได้ง่าย Scalper จึงต้องจัดการความรู้สึกตัวเองให้ดี

ข้อดีและข้อเสียของการทำ Scalping Trade
เหมือนกลยุทธ์อื่นๆ Scalping Trade ก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่นักลงทุนควรชั่งน้ำหนักก่อนนำไปใช้จริง
ข้อดีของการ Scalping
Scalping ดึงดูดเทรดเดอร์ด้วยประโยชน์หลายอย่าง เช่น
โอกาสทำกำไรอย่างรวดเร็ว: การเทรดที่ฉับไวช่วยให้เห็นผลตอบแทนได้ในไม่กี่นาทีหรือวินาที สร้างความตื่นเต้นและผลกำไรในวันเดียว
ลดความเสี่ยงข้ามคืน: Scalper ปิดทุกออเดอร์ก่อนตลาดปิด หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างข่าวใหญ่ที่อาจทำให้ราคาพลิกผันรุนแรง
ใช้ประโยชน์จากความผันผวนน้อย: แม้ตลาดไม่มีแนวโน้มชัดเจน Scalping ยังทำกำไรได้จาก Pip เล็กๆ
ความยืดหยุ่น: สามารถเทรดได้หลายช่วงเวลา ตราบใดที่ตลาดมีสภาพคล่องดี
เรียนรู้เร็ว: การเทรดบ่อยช่วยให้ได้ประสบการณ์และปรับตัวจากความผิดพลาดได้ไว
ข้อเสียและความท้าทายที่ Scalper ต้องเจอ
อย่างไรก็ตาม Scalping ก็มีอุปสรรคที่ต้องเผชิญ เช่น
ค่าธรรมเนียมสูง: จากการเปิด-ปิดออเดอร์บ่อย Spread และค่าคอมมิชชั่นอาจกินกำไรไปมาก
ความเครียดสะสม: การจับตาตลาดและตัดสินใจภายใต้แรงกดดันนานๆ อาจนำไปสู่ความเหนื่อยล้า
ต้องเฝ้าหน้าจอตลอด: ต้องทุ่มเวลาและพลังงานอย่างมากในการติดตามกราฟ
ต้องการทุนสำรอง: แม้กำไรจาก Pip น้อย แต่ถ้าขาดทุนติดต่อกันโดยไม่จัดการดี อาจกระทบทุนทั้งหมด
ต้องมีระบบเร็ว: ความล่าช้าในการส่งคำสั่งอาจทำให้พลาดหรือเสียหาย
ไม่เหมาะทุกคน: ผู้ขาดวินัย ทนกดดันไม่ได้ หรือไม่มีเวลา ควรหลีกเลี่ยง
กลยุทธ์ Scalping Trade ยอดนิยมและตัวชี้วัดที่ควรใช้
เพื่อให้ Scalping สำเร็จ ต้องมีกลยุทธ์ชัดเจนและเครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยตัดสินใจได้รวดเร็ว โดยอาศัยการวิเคราะห์หลัก
กลยุทธ์พื้นฐานสำหรับการ Scalping
Scalping เน้นเทคนิคอล โดยดูการเคลื่อนไหวราคาสั้นๆ เช่น
แนวรับ-แนวต้าน: Scalper ใช้จุดเหล่านี้กำหนดการเข้า-ออก เมื่อราคาแตะและมีสัญญาณเด้งกลับ ก็เข้าทำกำไรจาก反弹
Price Action: อ่านพฤติกรรมราคาจากแท่งเทียนโดยตรง มองหาลวดลายที่บ่งบอกการกลับตัวหรือต่อเนื่องในกรอบเวลาสั้น
Range Trading: ในตลาดแกว่งในกรอบ Scalper ซื้อที่แนวรับ ขายที่แนวต้าน
Momentum/Breakout: เข้าซื้อขายเมื่อราคาทะลุแนวสำคัญ คาดว่าราคาจะไปต่ออย่างรวดเร็ว
จุดสำคัญคือการกำหนดเข้า-ออกให้แม่นยำ เพื่อเพิ่มโอกาสชนะ
ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicators) ที่ Scalper นิยมใช้
Indicators ช่วยวิเคราะห์กราฟให้เร็วขึ้น เช่น
Moving Average (MA): เส้นเฉลี่ยช่วยดูแนวโน้มสั้น Scalper ใช้ MA สองเส้น เช่น 5 และ 10 เพื่อหาจุดครอสโอเวอร์เข้า-ออก
Relative Strength Index (RSI): วัดโมเมนตัม แสดง overbought หรือ oversold ใช้หาการกลับตัวใน timeframe สั้น
Moving Average Convergence Divergence (MACD): แสดงความสัมพันธ์ MA สองเส้น ช่วยดูทิศทางและแรงโน้ม
Bollinger Bands: เส้นกลางกับแบนด์สองข้าง วัดความผันผวน ใช้หาจุดบีบตัวก่อน breakout หรือกลับตัวเมื่อแตะขอบ
เลือกใช้ที่ถนัด ไม่ต้องรวมหมดทุกตัว
Timeframe ที่เหมาะสมสำหรับการ Scalping
Timeframe สำคัญสำหรับ Scalping คือกรอบสั้น เพื่อจับการเคลื่อนไหวละเอียด
M1 (1 นาที): ยอดนิยมสุด แสดงราคาแบบละเอียด ช่วยจับจังหวะเข้า-ออกแม่นยำ
M5 (5 นาที): กรอง noise ได้บ้าง เหมาะถือสถานะนานขึ้นเล็กน้อย
ต้องเข้าใจพฤติกรรมราคาและสภาพคล่องในแต่ละช่วง เพื่อวิเคราะห์ได้ดี
การบริหารความเสี่ยงและจิตวิทยาการเทรดสำหรับ Scalper
ความสำเร็จของ Scalping ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ แต่รวมถึงการจัดการความเสี่ยงและจิตใจที่แข็งแกร่งด้วย
การตั้ง Stop Loss และ Take Profit อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยความเสี่ยงสูง Stop Loss และ Take Profit จึงจำเป็นมาก
Stop Loss (SL): ปิดออเดอร์อัตโนมัติเมื่อขาดทุนถึงจุดกำหนด ตั้งแคบๆ ไม่กี่ Pip เพื่อจำกัดความเสียหาย
Take Profit (TP): ปิดเมื่อกำไรถึงเป้า ตั้งใกล้จุดเข้าเพื่อล็อกกำไรเร็ว
การตั้งทั้งคู่อย่างระบบช่วยลดอารมณ์และจัดการความเสี่ยงได้ดี
การจัดการเงินทุน (Money Management) สำหรับ Scalping
Money Management คือกุญแจสู่การเทรดยั่งยืน โดยเฉพาะ Scalping ที่เทรดบ่อย
กำหนดขนาดล็อตเหมาะสม: ให้สอดคล้องกับบัญชีและความเสี่ยงที่ยอมรับ
เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ต่อเทรด: เพื่อป้องกันขาดทุนหนักจากครั้งเดียว
รักษาสภาพคล่อง: มีทุนสำรองรองรับความผันผวนและเทรดต่อเนื่อง
จิตวิทยาการเทรด: รับมือกับความกดดันและความเครียด
จิตวิทยาสำคัญยิ่งใน Scalping
รักษาวินัย: ยึดแผนเสมอ ไม่ปล่อยให้อารมณ์นำ
จัดการความเครียด: พักผ่อนให้พอ หยุดเมื่อเหนื่อย
ยอมรับขาดทุน: มองเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายใหญ่
หลีกเลี่ยง Overtrading: เทรดเฉพาะเมื่อมีสัญญาณชัด ไม่ไล่ตามกำไร
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ลองดูบทความจาก Investopedia เรื่อง Forex Money Management Tips ที่อธิบายละเอียด
Scalping Trade กับ Day Trade และ Swing Trade แตกต่างกันอย่างไร?
เพื่อให้เข้าใจ Scalping ชัดขึ้น ลองเปรียบเทียบกับ Day Trade และ Swing Trade ซึ่งเป็นกลยุทธ์ระยะสั้น-กลางอื่นๆ
ทั้งสามมุ่งกำไรจากราคา แต่ต่างกันที่เวลาถือ ความถี่ และขนาดกำไร
| คุณสมบัติ | Scalping Trade | Day Trade | Swing Trade คือ |
| :—————- | :——————————————– | :———————————————— | :————————————————– |
| **ระยะเวลาถือครอง** | ไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาที | ไม่กี่นาทีถึงหลายชั่วโมง (ปิดภายในวันเดียวกัน) | หลายวันถึงหลายสัปดาห์ |
| **ความถี่ในการเทรด** | สูงมาก (หลายสิบถึงหลายร้อยครั้งต่อวัน) | ปานกลางถึงสูง (ไม่กี่ครั้งถึงหลายสิบครั้งต่อวัน) | ต่ำ (ไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์หรือต่อเดือน) |
| **ขนาดกำไรต่อครั้ง** | น้อยมาก (ไม่กี่ Pip) | ปานกลาง (10-50 Pip) | มาก (50-300+ Pip) |
| **ความเสี่ยงต่อครั้ง** | ต่ำ (แต่รวมแล้วอาจสูง) | ปานกลาง | ปานกลางถึงสูง |
| **การเฝ้าหน้าจอ** | สูงมาก (ต้องเฝ้าตลอดเวลา) | สูง (เฝ้าตลอดช่วงตลาดเปิด) | ปานกลาง (ตรวจสอบเป็นระยะ) |
| **ค่าธรรมเนียม** | สูงที่สุด (จากการเทรดบ่อย) | ปานกลาง | ต่ำที่สุด |
| **Timeframe ที่ใช้** | 1 นาที, 5 นาที | 5 นาที, 15 นาที, 30 นาที, 1 ชั่วโมง | 4 ชั่วโมง, รายวัน, รายสัปดาห์ |
| **เป้าหมาย** | สะสมกำไรเล็กน้อยแต่บ่อยครั้งจากความผันผวนเล็กๆ | ทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาภายในวัน | ทำกำไรจากแนวโน้มระยะกลาง (Swing) ของราคา |
เลือกโบรกเกอร์ (Broker) อย่างไรให้เหมาะกับ Scalping Trade ในไทย?
การเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่คือปัจจัยหลักสำหรับ Scalper โดยเฉพาะในไทยที่ต้องพิจารณาเรื่องเฉพาะ
คุณสมบัติสำคัญ ได้แก่
ค่าสเปรดต่ำ: เพื่อลดต้นทุนจากกำไร Pip เล็กๆ เลือกบัญชี ECN หรือ Raw Spread
ความเร็ว execution: ส่งคำสั่งไว ไม่ requote เพราะช้าอาจพลาดโอกาส
ใบอนุญาตน่าเชื่อถือ: แม้ Forex กับโบรกเกอร์ต่างชาติยังเป็นพื้นที่สีเทาในไทย แต่เลือกที่มี FCA, CySEC หรือ ASIC เพื่อความปลอดภัย (SEC ไทยยังไม่รับรองโดยตรง)
แพลตฟอร์มเสถียร: เช่น MT4 หรือ MT5 ที่ใช้งานง่ายและมีเครื่องมือครบ
นโยบายรองรับ Scalping: ตรวจสอบว่าไม่อ禁หรือจำกัด
ฝาก-ถอนสะดวก: รองรับธนาคารไทยหรือช่องทางที่เหมาะสม
ศึกษารีวิวและเปรียบเทียบหลายรายก่อนตัดสินใจ
ข้อควรระวังและเคล็ดลับสู่ความสำเร็จในการ Scalping Trade
Scalping ท้าทายแต่ประสบความสำเร็จได้ หากมีวินัยและเตรียมตัวดี
หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อยสำหรับ Scalper มือใหม่ในไทย
มือใหม่ในไทยมักพลาดแบบนี้
ไม่ตั้ง Stop Loss: อาจทำให้ขาดทุนเล็กกลายเป็นใหญ่
Overtrading: เทรดไร้แผนเพื่อไล่กำไร ลดคุณภาพ
Leverage สูงเกิน: เพิ่มพลังแต่เสี่ยง Margin Call เร็ว
ไม่สนข่าว: แม้สั้น แต่ข่าวใหญ่ทำให้ผันผวนรุนแรง หลีกเลี่ยงช่วงนั้น
ขาดวินัย: เปลี่ยนแผนกลางคันหรือเอาคืน
คาดหวังสมบูรณ์แบบ: ไม่มีกลยุทธ์ 100% เน้นผลรวมสุทธิ
การฝึกฝนและการใช้บัญชีทดลอง (Demo Account)
ก่อนใช้เงินจริง ฝึกฝนคือกุญแจ
ใช้ Demo Account: ทดสอบแพลตฟอร์มและกลยุทธ์ไร้ความเสี่ยง
ฝึกสม่ำเสมอ: พัฒนาทักษะอ่านตลาดและตัดสินใจไว
บันทึกเทรด: จดเหตุผลเข้า-ออก SL/TP และผล เพื่อทบทวนปรับปรุง
สรุป: Scalping Trade เหมาะกับคุณหรือไม่?
Scalping Trade คือกลยุทธ์ที่น่าตื่นเต้น มีโอกาสกำไรสูงจากความผันผวนเล็กๆ แต่ต้องเผชิญความเสี่ยงและท้าทายไม่น้อย ต้องการความรู้ตลาดลึก วินัยแข็งแกร่ง การตัดสินใจเร็ว และจัดการความเสี่ยงเข้มงวด
ถ้าคุณชอบความเร้าใจ ทนกดดันได้ มีเวลาเฝ้าหน้าจอ และยึดแผนได้ Scalping อาจใช่สำหรับคุณ แต่ถ้าไม่ชอบแรงกดดัน ไม่มีเวลาหรือควบคุมอารมณ์ยาก ลอง Day Trade หรือ Swing Trade แทน
ไม่ว่าจะทางไหน การเรียนรู้ต่อเนื่อง ฝึกฝน และจัดการความเสี่ยงคือทางสู่ความสำเร็จระยะยาวในการเทรด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Scalping Trade (FAQ)
Scalping Trade คืออะไร? เหมาะกับนักเทรดมือใหม่ในไทยหรือไม่?
Scalping Trade คือกลยุทธ์การซื้อขายที่เปิดและปิดสถานะภายในระยะเวลาอันสั้นมาก (ไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาที) เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคาเพียงเล็กน้อย การ Scalping ไม่เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่ในไทยที่ยังขาดประสบการณ์และวินัย เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงและต้องใช้ทักษะในการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ
ข้อดีและข้อเสียของการทำ Scalping Trade ในตลาด Forex ไทยมีอะไรบ้าง?
ข้อดี: โอกาสทำกำไรเร็ว ลดความเสี่ยงจากการถือข้ามคืน ใช้ประโยชน์จากความผันผวนเล็กน้อย
ข้อเสีย: ค่าธรรมเนียมการเทรดสูง ความเครียดสูง ต้องใช้เวลาเฝ้าหน้าจอ ต้องมีวินัยและทุนสำรองเพียงพอ
Scalping Trade มีความเสี่ยงสูงแค่ไหน? ควรบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างไรในแบบฉบับเทรดเดอร์ไทย?
Scalping Trade มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีการเทรดบ่อยครั้งและต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สำหรับเทรดเดอร์ไทย ควรบริหารความเสี่ยงด้วยการ:
- ตั้ง Stop Loss และ Take Profit ที่แคบและชัดเจนในทุกการเทรด
- จำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดไม่เกิน 1-2% ของเงินทุน
- ใช้ขนาดล็อตที่เหมาะสมกับขนาดบัญชี
- ไม่ Overtrade และควบคุมอารมณ์ให้ได้
- หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงข่าวสารสำคัญ
ควรเลือกโบรกเกอร์ Forex แบบไหนที่เหมาะสมกับการทำ Scalping Trade ที่สุดในประเทศไทย?
สำหรับ Scalping ในประเทศไทย ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีคุณสมบัติดังนี้:
- ค่าสเปรดต่ำมาก: โดยเฉพาะบัญชีประเภท ECN/Raw Spread
- ความเร็วในการดำเนินการคำสั่งสูง: ไม่มี Requote หรือ Slippage น้อยที่สุด
- มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับสากล: เพื่อความน่าเชื่อถือ
- มีแพลตฟอร์มที่เสถียร: เช่น MetaTrader 4/5
- นโยบายที่อนุญาต Scalping: ตรวจสอบเงื่อนไขการเทรด
- รองรับการฝาก-ถอนเงินที่สะดวกสำหรับคนไทย
Scalping Trade ผิดกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่? มีข้อควรระวังทางกฎหมายอะไรบ้าง?
ปัจจุบัน การเทรด Forex กับโบรกเกอร์ต่างประเทศยังไม่ได้รับการกำกับดูแลโดยตรงจาก ก.ล.ต. ของไทย ทำให้ยังอยู่ในพื้นที่สีเทา ไม่ได้ผิดกฎหมายโดยตรง แต่ก็ไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเป็นทางการ หากเกิดข้อพิพาท เทรดเดอร์ควรระมัดระวังในการเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือและตรวจสอบใบอนุญาตให้ดี
การทำ Scalping Trade ต้องเสียภาษีอย่างไรในประเทศไทย?
กำไรจากการเทรด Scalping Trade (เช่นเดียวกับการเทรด Forex ทั่วไป) ถือเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 40(8) ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของประเทศไทย เทรดเดอร์มีหน้าที่ต้องนำรายได้ส่วนนี้ไปยื่นเสียภาษีประจำปีตามอัตราภาษีก้าวหน้า ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและครบถ้วน
มีเครื่องมือหรือ Indicators อะไรบ้างที่ Scalper ชาวไทยนิยมใช้และได้ผลดี?
Scalper ชาวไทยนิยมใช้เครื่องมือและ Indicators ดังนี้:
- แนวรับแนวต้าน (Support and Resistance)
- Price Action
- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average – MA)
- Relative Strength Index (RSI)
- MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- Bollinger Bands
การใช้เครื่องมือเหล่านี้ร่วมกันใน Timeframe 1 นาทีหรือ 5 นาที ช่วยให้สามารถระบุจุดเข้าออกที่แม่นยำได้
Scalping Trade แตกต่างจาก Day Trade และ Swing Trade อย่างไรในมุมมองของนักลงทุนไทย?
ในมุมมองของนักลงทุนไทย การ Scalping Trade คือการเทรดที่สั้นที่สุด เน้นทำกำไรจาก Pip เล็กๆ ในไม่กี่วินาที/นาที
- **Day Trade** จะถือสถานะนานขึ้นเล็กน้อย ปิดภายในวันเดียวกัน ทำกำไรจากความเคลื่อนไหวภายในวัน
- **Swing Trade** จะถือสถานะนานที่สุด (หลายวันถึงหลายสัปดาห์) เพื่อจับแนวโน้มระยะกลาง ทำกำไรได้มากกว่าต่อครั้งแต่ความถี่น้อยกว่า
Scalping เหมาะกับผู้ที่ชอบความเร็วและความถี่สูง ส่วน Day Trade และ Swing Trade เหมาะกับผู้ที่ต้องการเวลาวิเคราะห์มากขึ้นและไม่ชอบความกดดันสูงเท่า
มีเคล็ดลับหรือกลยุทธ์ “scalping แม่นๆ” ที่ใช้ได้จริงในตลาดหุ้นไทยไหม?
ในตลาดหุ้นไทย กลยุทธ์ Scalping อาจแตกต่างจาก Forex เล็กน้อย แต่หลักการยังคงคล้ายกัน เคล็ดลับ “scalping แม่นๆ” ที่ใช้ได้จริง ได้แก่:
- เน้นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงและมี Bid/Offer หนาแน่น
- จับจังหวะการเปิดตลาดและปิดตลาดที่มักมีความผันผวนสูง
- ใช้โปรแกรม Streaming หรือเครื่องมือดูกราฟที่รวดเร็ว
- กำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit ที่ชัดเจน
- ฝึกฝนบนบัญชีจำลองจนเชี่ยวชาญก่อนใช้เงินจริง
โดยทั่วไปแล้ว Scalping จะนิยมในตลาด Forex มากกว่าเนื่องจากมีสภาพคล่องสูงกว่าและค่าธรรมเนียมต่อการเทรดเล็กน้อยมักจะต่ำกว่า
การเป็น Scalper Trader มืออาชีพในไทยต้องมีคุณสมบัติและวินัยอะไรบ้าง?
การเป็น Scalper Trader มืออาชีพในไทยต้องมีคุณสมบัติดังนี้:
- **วินัย:** ปฏิบัติตามแผนการเทรดและกฎการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด
- **สมาธิและความอดทน:** เฝ้าหน้าจอและตัดสินใจอย่างรวดเร็วภายใต้ความกดดัน
- **ความสามารถในการควบคุมอารมณ์:** ไม่ตัดสินใจด้วยอารมณ์เมื่อเจอการขาดทุน
- **ความรู้ทางเทคนิค:** เข้าใจการวิเคราะห์กราฟและ Indicator เป็นอย่างดี
- **การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง:** ปรับปรุงกลยุทธ์และเรียนรู้จากประสบการณ์
โดยสรุปคือ ต้องมีทั้งความรู้ ทักษะ และจิตวิทยาที่แข็งแกร่ง