Finviz คืออะไร? เหตุผลที่เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ไม่ควรมองข้าม
ในโลกของการซื้อขายสินทรัพย์การเงิน Finviz หรือที่รู้จักในชื่อเต็มว่า Financial Visualization ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทรงพลังและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในหมู่เทรดเดอร์ที่ต้องการภาพรวมตลาดอย่างรวดเร็วและแม่นยำ แม้หลายคนจะรู้จัก Finviz ในฐานะเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์หุ้นสหรัฐฯ แต่แท้จริงแล้ว แพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับการวิเคราะห์ตลาดอื่นๆ อย่างลึกซึ้ง รวมถึงตลาดฟอเร็กซ์ด้วย
สิ่งที่ทำให้ Finviz แตกต่างจากเครื่องมือทั่วไปคือความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจากหลายสินทรัพย์—ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ฟิวเจอร์ส คริปโตเคอร์เรนซี หรือคู่เงินต่างประเทศ—แล้วแสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย สำหรับเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์โดยเฉพาะ สิ่งที่มีค่าที่สุดคือการที่ Finviz สามารถสร้าง “ภาพรวมแนวโน้ม” ของสกุลเงินต่างๆ ได้ภายในไม่กี่วินาที ช่วยให้ผู้ใช้งานประเมินสภาพตลาด ระบุคู่เงินที่มีศักยภาพ และตัดสินใจเข้าเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดแข็งอีกประการของ Finviz คือการให้บริการเครื่องมือขั้นสูงในเวอร์ชันฟรีอย่างค่อนข้างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นตารางราคาแบบเรียลไทม์ (มีดีเลย์เล็กน้อย) กราฟทางเทคนิค หรือระบบคัดกรองที่ใช้งานง่าย บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกการใช้งาน Finviz สำหรับการเทรดฟอเร็กซ์อย่างมีระบบ ตั้งแต่การอ่านข้อมูลพื้นฐานไปจนถึงการสร้างแผนการเทรดที่สอดคล้องกับแนวโน้มตลาด พร้อมเปิดเผยกลยุทธ์ที่ใช้จริงโดยเทรดเดอร์มืออาชีพ

เริ่มต้นอย่างมือโปร: เข้าใจหน้า Forex Quotes
สำหรับเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดบน Finviz คือหน้า Forex Quotes (เข้าถึงได้ที่ finviz.com/forex.ashx) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนศูนย์ข้อมูลรวมของคู่เงินต่างๆ ทั้งหลักและรอง การทำความคุ้นเคยกับองค์ประกอบในตารางนี้จะช่วยให้คุณอ่านสัญญาณตลาดได้เร็วขึ้น และเปิดประตูสู่การวิเคราะห์เชิงลึกในขั้นต่อไป
ตารางดังกล่าวแสดงข้อมูลสำคัญของแต่ละคู่เงินในรูปแบบที่กระชับและเข้าใจง่าย ประกอบด้วย:
- Ticker: ชื่อสัญลักษณ์ของคู่เงิน เช่น EUR/USD หรือ GBP/JPY ใช้สำหรับระบุสกุลเงินที่กำลังวิเคราะห์
- Bid/Ask: ราคาเสนอซื้อ (Bid) และเสนอขาย (Ask) ณ ขณะนั้น ซึ่งแสดงถึงสเปรดและระดับที่สามารถเข้าเทรดได้
- Change: เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงราคาในวันนั้น ใช้เปรียบเทียบความผันผวนของคู่เงินต่างๆ ได้ทันที
- High/Low: จุดสูงสุดและต่ำสุดของราคาในช่วง 24 ชั่วโมง ช่วยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวและช่วงความผันผวน
- Chart: กราฟย่อขนาดที่แสดงแนวโน้มราคาในช่วงสั้นๆ ช่วยให้เห็นภาพรวมการเคลื่อนไหวโดยไม่ต้องเปิดกราฟแยก
เคล็ดลับที่เทรดเดอร์มือเก่ามักใช้คือการใช้ฟังก์ชันเรียงลำดับ (Sort) โดยการคลิกที่หัวคอลัมน์ เช่น เมื่อคลิกที่ “Change” ระบบจะจัดเรียงคู่เงินจากเปอร์เซ็นต์เปลี่ยนแปลงมากไปหาน้อย หรือกลับกัน ช่วยให้คุณระบุคู่เงินที่มีแรงเคลื่อนไหวสูงที่สุดในวันนั้นได้ทันที—ซึ่งมักเป็นเป้าหมายหลักสำหรับการหาโอกาสเทรดในช่วงวัน
หัวใจสำคัญของกลยุทธ์: วิเคราะห์ “ตะกร้าค่าเงิน” ด้วย Performance Matrix
ฟีเจอร์ที่ทำให้ Finviz กลายเป็นที่รักของเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ทั่วโลกคือ Performance Matrix หรือที่ในชุมชนไทยมักเรียกว่า “ตะกร้าค่าเงิน” เครื่องมือนี้ให้ภาพรวมโดยตรงว่าสกุลเงินใดกำลังแข็งค่า หรืออ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนด
แนวคิดหลักคือการวิเคราะห์ความแข็งแรงของสกุลเงิน (Currency Strength) ซึ่งเป็นพื้นฐานของกลยุทธ์ “ซื้อสกุลเงินที่แข็งแรงที่สุด ขายสกุลเงินที่อ่อนแอกที่สุด” (Strong vs. Weak) แนวทางนี้ได้รับการยืนยันจากแหล่งข้อมูลทางการเงินชั้นนำอย่าง Investopedia ว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน
การอ่านตาราง Performance Matrix (เข้าถึงได้ที่ finviz.com/forex_performance.ashx) ทำได้ง่ายมาก ตารางแสดงผลการเปลี่ยนแปลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในหลายช่วงเวลา เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน โดยใช้ระบบสีเพื่อสื่อสารแนวโน้ม:
- สีเขียวเข้ม: บ่งบอกว่าสกุลเงินนั้นแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- สีแดงเข้ม: หมายถึงสกุลเงินนั้นอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง
ตัวอย่างเช่น หากดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) อยู่ในช่องสีเขียวเข้มที่สุดในกรอบเวลาสัปดาห์ และเยนญี่ปุ่น (JPY) อยู่ในช่องสีแดงเข้มที่สุด นั่นคือสัญญาณว่า AUD มีแนวโน้มแข็งแรง ในขณะที่ JPY กำลังอ่อนตัวลง ดังนั้น คู่เงิน AUD/JPY จึงกลายเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับการซื้อ (Buy) ตามแนวโน้ม

ตัวอย่างการตีความข้อมูลจากตะกร้าค่าเงิน
เพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น ลองพิจารณาสถานการณ์สมมติต่อไปนี้:
- NZD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์): ขึ้นแรงที่สุดในตารางรายสัปดาห์ที่ +2.50% และแสดงเป็นสีเขียวเข้ม
- JPY (เยนญี่ปุ่น): ร่วงหนักที่สุดที่ -1.80% และอยู่ในช่องสีแดงเข้ม
จากข้อมูลนี้ สามารถสรุปได้ว่า NZD ได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ ในขณะที่ JPY ถูกเทขายอย่างหนัก ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักลงทุนที่อาจเกิดจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน
ดังนั้น คู่เงิน NZD/JPY จึงเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุดในการพิจารณาเปิดออเดอร์ซื้อ เพราะคุณกำลังอยู่ในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลักของทั้งสองสกุลเงิน—ซึ่งเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
ยกระดับการตัดสินใจ: วิเคราะห์เทคนิคผ่านกราฟ Finviz
เมื่อได้ไอเดียการเทรดจาก “ตะกร้าค่าเงิน” แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการหาจุดเข้า-ออกที่เหมาะสมผ่านการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่ง Finviz ให้บริการ Forex Charts (finviz.com/forex_charts.ashx) ที่เพียงพอสำหรับการประเมินเบื้องต้น แม้จะไม่ซับซ้อนเท่าแพลตฟอร์มเทรดหลัก แต่ก็เพียงพอต่อการวางแผน
ฟีเจอร์หลักที่คุณสามารถใช้งานได้ ได้แก่:
- การเปลี่ยน Timeframe: เลือกดูกราฟได้ตั้งแต่ 5 นาที จนถึงรายสัปดาห์ ช่วยให้คุณวิเคราะห์ทั้งแนวโน้มใหญ่และจังหวะย่อยได้
- การเพิ่ม Indicators: รองรับเครื่องมือพื้นฐานอย่าง Moving Average, RSI, MACD และ Bollinger Bands ช่วยยืนยันสัญญาณจากแนวโน้ม
- เครื่องมือวาดเส้น: แม้จำกัดกว่า MT4 แต่ก็มีฟังก์ชันวาด Trend Line, Support และ Resistance ซึ่งเพียงพอสำหรับการระบุระดับสำคัญ
การใช้กราฟของ Finviz ควบคู่กับ “ตะกร้าค่าเงิน” ช่วยให้คุณไม่พลาดจุดเข้าเทรดที่ดี เช่น หลังจากเลือก NZD/JPY เป็นเป้าหมาย คุณสามารถเปิดกราฟรายวันเพื่อรอให้ราคา “ย่อตัว” ลงมาที่แนวรับเดิมก่อนจะเข้าซื้อ ซึ่งเป็นวิธีที่ลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไร
สร้างระบบการเทรด: 4 ขั้นตอนวิเคราะห์ด้วย Finviz
ความได้เปรียบของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่การมีเครื่องมือดี แต่คือการมี “กระบวนการวิเคราะห์ที่เป็นระบบ” บทความนี้ขอแนะนำ Workflow 4 ขั้นตอนที่ใช้เครื่องมือของ Finviz อย่างครบวงจร ช่วยให้คุณเปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นการตัดสินใจที่แม่นยำ
ขั้นตอนที่ 1: ดูภาพรวมตลาดด้วย “ตะกร้าค่าเงิน”
เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการเปิด Performance Matrix แล้วเลือกกรอบเวลา “รายสัปดาห์” เพื่อดูแนวโน้มหลัก มองหาสกุลเงินที่แข็งแรงที่สุด (สีเขียวเข้ม) และอ่อนแอที่สุด (สีแดงเข้ม) แล้วเลือกคู่เงินที่รวมทั้งสองไว้ เช่น USD/JPY หรือ GBP/AUD เป็น “คู่เงินเป้าหมาย” ประจำสัปดาห์
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจ
ก่อนเข้าเทรด ให้ไปที่ ปฏิทินเศรษฐกิจของ Forex Factory หรือใช้ ข่าวจาก Reuters เพื่อตรวจสอบว่ามีข่าวสำคัญ (High Impact) ที่อาจส่งผลต่อคู่เงินที่คุณเลือกหรือไม่ เช่น Non-Farm Payrolls หรือการประชุมธนาคารกลาง หากมีข่าวใกล้เคียงช่วงเวลาเทรด ให้พิจารณาเลื่อนการเข้าหรือใช้กลยุทธ์ตามข่าวแทน
ขั้นตอนที่ 3: วิเคราะห์กราฟเพื่อหาจุดเข้า
เปิดกราฟของคู่เงินที่เลือกใน Finviz ใช้ Timeframe รายวันเพื่อดูแนวโน้มและระดับ Support/Resistance จากนั้นสลับไปที่ 4 ชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมงเพื่อหาจังหวะเข้าเทรด เช่น ราคากลับตัวที่แนวรับ หรือ RSI เกิด Oversold พร้อมสัญญาณกลับตัว
ขั้นตอนที่ 4: สรุปและวางแผนการเทรด
รวบรวมข้อมูลทั้งหมด: แนวโน้มจากตะกร้าค่าเงิน, ข่าวเศรษฐกิจ, และสัญญาณเทคนิค หากทั้งสามส่วน “คอนเฟิร์ม” กันได้ คุณก็พร้อมจะวางแผนการเทรดอย่างมั่นใจ กำหนดจุดเข้า จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และเป้าหมายทำกำไร (Take Profit) ตามหลักบริหารความเสี่ยง เช่น Risk-Reward 1:2

Finviz หรือ Forex Factory? เลือกใช้ยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุด
คำถามที่มักถูกถามบ่อยในกลุ่มเทรดเดอร์คือ “ควรใช้ Finviz หรือ Forex Factory ดี?” คำตอบที่แท้จริงคือ “ใช้ทั้งสองอย่างร่วมกัน” เพราะแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดแข็งที่ต่างกัน แต่กลับเติมเต็มกันได้อย่างลงตัว
Finviz:
- จุดแข็ง: การแสดงข้อมูลในรูปแบบภาพ (Visualization) ที่รวดเร็วและเข้าใจง่าย โดยเฉพาะ “ตะกร้าค่าเงิน” และ Heatmap ที่ช่วยให้เห็นภาพรวมตลาดทั้งหมดในแวบเดียว เหมาะสำหรับการหาไอเดียเทรดในระดับแนวโน้ม
- ข้อจำกัด: ปฏิทินข่าวไม่ละเอียดเท่า, ฟีเจอร์กราฟมีพื้นฐาน และไม่มีชุมชนผู้ใช้ขนาดใหญ่
Forex Factory:
- จุดแข็ง: ปฏิทินข่าวที่ละเอียดที่สุดในอุตสาหกรรม พร้อมการกรองตามสกุลเงินและความสำคัญของข่าว รวมถึงฟอรัมที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการแลกเปลี่ยนมุมมอง
- ข้อจำกัด: ไม่มีเครื่องมือแสดง “ความแข็งแรงของสกุลเงิน” แบบภาพรวมที่ชัดเจนเท่า Finviz การวิเคราะห์ต้องอาศัยการอ่านข้อมูลแบบตาราง
กลยุทธ์ที่แนะนำคือใช้ Finviz สำหรับการสแกนแนวโน้มเบื้องต้น จากนั้นใช้ Forex Factory เพื่อตรวจสอบข่าวและอ่านความคิดเห็นจากเทรดเดอร์คนอื่นๆ วิธีนี้ช่วยให้คุณได้ทั้งข้อมูลทางเทคนิคและพื้นฐานอย่างครบถ้วน—ซึ่งเป็นแนวทางที่นักวิเคราะห์จากสื่อชั้นนำอย่าง Reuters แนะนำไว้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Finviz Forex ใช้งานได้ฟรีหรือไม่?
ใช่, ฟีเจอร์หลักทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ฟอเร็กซ์บน Finviz รวมถึง Forex Quotes, Performance Matrix และกราฟพื้นฐาน สามารถใช้งานได้ฟรีโดยไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิกแบบเสียเงิน (Finviz Elite)
ข้อมูล “ตะกร้าค่าเงิน” บน Finviz real time หรือไม่?
สำหรับผู้ใช้งานเวอร์ชันฟรี ข้อมูลจะมีการดีเลย์ประมาณ 15-20 นาที ซึ่งเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์แนวโน้มในระดับรายวันหรือรายสัปดาห์ หากต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์ จะต้องสมัครใช้งาน Finviz Elite
เราสามารถเทรด Forex ผ่าน Finviz ได้โดยตรงเลยหรือเปล่า?
ไม่ได้ Finviz เป็นเพียงเครื่องมือวิเคราะห์และแสดงข้อมูล ไม่ใช่โบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มซื้อขายโดยตรง คุณต้องนำข้อมูลที่วิเคราะห์ได้ไปใช้บนแพลตฟอร์มเทรดจริง เช่น MT4, MT5 หรือผ่านโบรกเกอร์ที่คุณใช้งานอยู่ เช่น Moneta Markets ซึ่งรองรับการซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยเลเวอเรจสูงและค่าสเปรดต่ำ
Finviz มีแอปพลิเคชันบนมือถือหรือไม่?
ปัจจุบัน Finviz ยังไม่มีแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการสำหรับ iOS หรือ Android อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ได้รับการออกแบบให้รองรับการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์บนมือถือได้อย่างเต็มรูปแบบ
ข้อมูลใน Finviz น่าเชื่อถือแค่ไหน?
ข้อมูลราคาและข้อมูลทางการเงินบน Finviz ได้รับการรวบรวมจากแหล่งข้อมูลชั้นนำ จึงมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือสูง อย่างไรก็ตาม ควรใช้ข้อมูลนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ ไม่ใช่เป็นคำแนะนำในการลงทุนโดยตรง
นอกจาก Forex แล้ว Finviz ใช้วิเคราะห์อะไรได้อีกบ้าง?
Finviz มีจุดแข็งด้านการวิเคราะห์หุ้นสหรัฐฯ ด้วยเครื่องมือ Screener ที่ทรงพลัง รวมถึงสามารถใช้ดูภาพรวมตลาดฟิวเจอร์สและคริปโตเคอร์เรนซีได้ด้วย
วิธีดูปฏิทินเศรษฐกิจ (Calendar) บน Finviz ทำอย่างไร?
คลิกที่เมนู “Calendar” บนแถบนำทางด้านบนของเว็บไซต์ คุณจะเห็นรายการข่าวเศรษฐกิจประจำวัน พร้อมเวลา สกุลเงินที่เกี่ยวข้อง และระดับความสำคัญของข่าว (Low/Medium/High)