การเข้าสู่ตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในชื่อฟอเร็กซ์ ไม่ใช่เรื่องของเงินทุนเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับศัพท์เฉพาะทางในวงการนี้ด้วย โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้นในประเทศไทย การทำความคุ้นเคยกับศัพท์ฟอเร็กซ์ถือเป็นขั้นตอนแรกที่ช่วยให้คุณสื่อสาร วิเคราะห์สถานการณ์ และตัดสินใจเทรดได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น บทความนี้จะทำหน้าที่เป็นแนวทางครบถ้วน พาคุณสำรวจตั้งแต่ศัพท์พื้นฐานไปจนถึงคำศัพท์ขั้นสูง พร้อมมุมมองที่ปรับให้เหมาะกับเทรดเดอร์ชาวไทย

บทนำ: ทำไมต้องรู้ศัพท์ Forex?
ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ การเข้าใจศัพท์ฟอเร็กซ์จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณคว้าโอกาสและหลีกเลี่ยงความผิดพลาดได้ หากขาดความรู้เหล่านี้ ก็เหมือนกับการก้าวสู่สนามรบโดยปราศจากอาวุธ คุณอาจตีความข่าวสารไม่ได้ วิเคราะห์กราฟไม่ตรงจุด หรือแม้แต่สั่งซื้อขายผิดพลาด บทความนี้รวบรวมศัพท์ที่เทรดเดอร์ไทยจำเป็นต้องรู้ เพื่อวางรากฐานสู่ความสำเร็จในการเทรด

ศัพท์ Forex พื้นฐานที่เทรดเดอร์มือใหม่ต้องจำ
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับศัพท์พื้นฐานเหล่านี้กัน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการเทรดฟอเร็กซ์ หากเข้าใจดี ก็จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นคง

คู่สกุลเงิน
การเทรดฟอเร็กซ์คือการซื้อสกุลเงินหนึ่งไปพร้อมกับการขายอีกสกุลเงินหนึ่งในคราวเดียว โดยแสดงผลในรูปแบบคู่ เช่น EUR/USD หรือ GBP/JPY คู่สกุลเงินเหล่านี้แบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้
- คู่หลัก: คู่ที่เกี่ยวข้องกับดอลลาร์สหรัฐ เช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD ซึ่งมีสภาพคล่องสูงและค่าธรรมเนียมต่ำ
- คู่รอง: คู่ที่ไม่รวมดอลลาร์สหรัฐ เช่น EUR/GBP, AUD/NZD
- คู่แปลกใหม่: คู่ที่จับคู่สกุลเงินหลักกับสกุลเงินจากประเทศกำลังพัฒนา เช่น USD/THB ซึ่งอาจมีสภาพคล่องน้อยกว่าและค่าธรรมเนียมสูง
ราคา Bid และ Ask
สำหรับทุกคู่สกุลเงิน จะมีราคาสองแบบเสมอ
- ราคา Bid: ราคาที่โบรกเกอร์ยินดีซื้อสกุลเงินหลักจากคุณ หรือราคาที่คุณสามารถขายได้
- ราคา Ask: ราคาที่โบรกเกอร์ยินดีขายสกุลเงินหลักให้คุณ หรือราคาที่คุณสามารถซื้อได้
สเปรด
สเปรดคือส่วนต่างระหว่างราคา Bid กับ Ask ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมหลักในการเทรด ยิ่งสเปรดแคบเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายของคุณก็ยิ่งต่ำ โบรกเกอร์ชั้นนำ เช่น Infinox หรือ Tickmill มักให้สเปรดที่แข่งขันได้ดี
จุด และ เศษจุด
- จุด: หน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงราคาที่เล็กที่สุดสำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ (ยกเว้นคู่ที่ใช้เยนญี่ปุ่น) โดยปกติคือตำแหน่งทศนิยมที่สี่ เช่น ถ้า EUR/USD เปลี่ยนจาก 1.1000 เป็น 1.1001 นั่นคือการเคลื่อนไหว 1 จุด
- เศษจุด: หน่วยที่เล็กกว่าจุด คือตำแหน่งทศนิยมที่ห้า (หรือที่สามสำหรับคู่เยน)
ล็อต และ ปริมาณการเทรด
ล็อตคือหน่วยวัดขนาดการเทรดมาตรฐาน
- ล็อตมาตรฐาน: 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก
- มินิล็อต: 10,000 หน่วย
- ไมโครล็อต: 1,000 หน่วย
ปริมาณการเทรดหมายถึงจำนวนล็อตที่คุณเปิดตำแหน่ง ซึ่งมีผลต่อมูลค่าของจุดและขนาดกำไรหรือขาดทุน
เลเวอเรจ และ มาร์จิ้น
- เลเวอเรจ: อัตราส่วนที่โบรกเกอร์ช่วยเพิ่มกำลังซื้อของคุณ เช่น 1:500 หมายถึงคุณควบคุมตำแหน่งได้ 500 เท่าของทุน มันช่วยขยายกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงขาดทุนด้วย เทรดเดอร์ไทยควรระวังเรื่องนี้ให้มาก
- มาร์จิ้น: เงินที่คุณต้องฝากเป็นประกันเพื่อเปิดตำแหน่ง เลเวอเรจสูงทำให้มาร์จิ้นที่ต้องใช้ต่ำลง
เงินทุน, มาร์จิ้นว่าง, ระดับมาร์จิ้น
- เงินทุน: ยอดเงินในบัญชีปัจจุบัน รวมเงินฝาก กำไรขาดทุนที่ยังไม่ปิด และค่าธรรมเนียมข้ามคืน
- มาร์จิ้นว่าง: เงินส่วนที่เหลือสำหรับเปิดตำแหน่งใหม่
- ระดับมาร์จิ้น: สัดส่วนระหว่างเงินทุนกับมาร์จิ้นที่ใช้ เป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยง หากต่ำเกินไป อาจถูกเรียกมาร์จิ้นหรือปิดสถานะอัตโนมัติ
ค่าสวอป
ค่าสวอปคือค่าธรรมเนียมหรือผลตอบแทนจากการถือตำแหน่งข้ามคืน (หลัง 05:00 น. ตามเวลาประเทศไทย) เกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงิน ถ้าถือตำแหน่งซื้อในสกุลเงินดอกเบี้ยสูง อาจได้สวอป แต่ถ้าต่ำกว่าอาจต้องจ่าย
ศัพท์เกี่ยวกับการส่งคำสั่งและสถานะการเทรด
ศัพท์กลุ่มนี้จะช่วยให้คุณจัดการการเทรดได้คล่องแคล่วยิ่งขึ้น โดยเชื่อมโยงการสั่งซื้อขายกับสถานการณ์จริง
คำสั่งซื้อขายทันที
คือการสั่งซื้อหรือขายที่ดำเนินการในทันทีตามราคาตลาดปัจจุบัน เหมาะสำหรับเวลาที่ต้องการเข้าตลาดอย่างรวดเร็ว
คำสั่งซื้อขายล่วงหน้า
คำสั่งที่ตั้งไว้ให้โบรกเกอร์ดำเนินการเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนด แบ่งเป็น
- ซื้อแบบจำกัด: สั่งซื้อต่ำกว่าราคาปัจจุบัน คาดว่าราคาจะลงแล้วเด้งขึ้น
- ขายแบบจำกัด: สั่งขายสูงกว่าราคาปัจจุบัน คาดว่าราคาจะขึ้นแล้วหันหัวลง
- ซื้อแบบหยุด: สั่งซื้อสูงกว่าราคาปัจจุบัน คาดว่าราคาจะทะลุขึ้นและไปต่อ
- ขายแบบหยุด: สั่งขายต่ำกว่าราคาปัจจุบัน คาดว่าราคาจะทะลุลงและไปต่อ
หยุดขาดทุน และ ล็อกกำไร
- หยุดขาดทุน: สั่งปิดตำแหน่งอัตโนมัติเพื่อจำกัดขาดทุนเมื่อราคาไปผิดทาง เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่เทรดเดอร์ไทยไม่ควรมองข้าม
- ล็อกกำไร: สั่งปิดตำแหน่งอัตโนมัติเพื่อรักษากำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมาย
เทรลลิ่งสต็อป
คือหยุดขาดทุนที่ปรับตามราคาตลาดอัตโนมัติเมื่อราคาไปในทางกำไร ช่วยปกป้องผลกำไรและจำกัดขาดทุนหากราคากลับตัว
ซื้อ และ ขาย
- ซื้อ: คาดว่าราคาจะขึ้น จึงเปิดตำแหน่งซื้อ
- ขาย: คาดว่าราคาจะลง จึงเปิดตำแหน่งขาย
ศัพท์สำคัญสำหรับการวิเคราะห์ตลาดและการบริหารความเสี่ยง
ศัพท์เหล่านี้ช่วยให้คุณวิเคราะห์ตลาดอย่างมีเหตุผลและจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น โดยเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
คือการศึกษาการเคลื่อนไหวราคาในอดีตผ่านกราฟ ตัวชี้วัด และรูปแบบ เพื่อทำนายทิศทางในอนาคต
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
คือการพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจ ข่าวสาร และนโยบายธนาคารกลาง เพื่อประเมินมูลค่าสกุลเงินและคาดการณ์ตลาด
อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน
คือการเปรียบเทียบกำไรที่คาดหวังกับขาดทุนสูงสุดที่ยอมรับได้ เช่น 1:2 หมายถึงเสี่ยง 1 ส่วนเพื่อกำไร 2 ส่วน การคำนวณนี้ช่วยรักษาพอร์ตลงทุนให้ยั่งยืน
การขาดทุนสูงสุด
คือการลดลงของทุนจากจุดสูงสุดสู่จุดต่ำสุด เป็นตัววัดประสิทธิภาพและความเสี่ยงของกลยุทธ์
ศัพท์ Forex ที่ควรรู้เพิ่มเติม
ศัพท์กลุ่มนี้จะช่วยให้คุณมองภาพรวมตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในแง่ปฏิบัติ
โบรกเกอร์
คือผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงเทรดเดอร์กับตลาดฟอเร็กซ์ โบรกเกอร์ยอดนิยมในไทย เช่น UHAS, MTrading, หรือ Vantage Markets ควรเลือกโดยดูจากใบอนุญาต กฎระเบียบ สเปรด และบริการ
สภาพคล่อง
คือความง่ายในการซื้อขายสินทรัพย์โดยไม่กระทบราคามาก คู่หลักมักมีสภาพคล่องสูง ช่วยให้เข้า-ออกตลาดสะดวก
ความผันผวน
คือการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็วและรุนแรง คู่ที่มีความผันผวนสูงให้โอกาสกำไร แต่เสี่ยงมากเช่นกัน
สลิปเพจ
คือการที่ราคาสำรองคำสั่ง (เช่น หยุดขาดทุน) แตกต่างจากที่คาด มักเกิดในตลาดผันผวนหรือช่วงข่าว ในไทยอาจเจอบ่อยตอนสภาพคล่องต่ำ
เจาะลึกศัพท์เฉพาะทาง: มุมมองสำหรับเทรดเดอร์ไทยที่ต้องการความแตกต่าง
สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่อยากก้าวหน้า การรู้ศัพท์เฉพาะทางจะช่วยสร้างข้อได้เปรียบ โดยเฉพาะแนวคิดที่ปรับให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น
ศัพท์พื้นฐานแนวคิดเงินฉลาด
แนวคิดเงินฉลาด หรือ SMC เป็นวิธีวิเคราะห์ที่เน้นพฤติกรรมของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ศัพท์สำคัญ ได้แก่
- โซนคำสั่ง: พื้นที่ราคาที่มีคำสั่งซื้อขายสะสมมาก บ่งบอกการเข้ามาของสถาบัน
- สภาพคล่อง: จุดที่มีคำสั่งหยุดขาดทุนหรือรอดำเนินการจำนวนมาก ซึ่งเป็นเป้าหมายของเงินฉลาด
- ช่องว่างมูลค่ายุติธรรม: ช่องว่างบนกราฟแท่งเทียนที่แสดงความไม่สมดุลระหว่างซื้อและขาย
SMC แตกต่างจากวิเคราะห์เทคนิคแบบเก่า โดยโฟกัสที่โครงสร้างตลาดและแรงขับเคลื่อนจากสถาบันมากกว่าตัวชี้วัด
การนำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์จริงของเทรดเดอร์ไทย
เทรดเดอร์ไทยมักเผชิญความท้าทายในการประยุกต์ศัพท์เหล่านี้ เช่น
- การตีความข่าว: เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศนโยบาย ควรรู้ศัพท์อย่างอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เงินเฟ้อ หรือ GDP เพื่อคาดผลต่อบาท
- ข้อควรระวังเลเวอเรจ: แม้บางโบรกเกอร์ให้เลเวอเรจสูงถึง 1:2000 แต่ยิ่งสูงยิ่งเสี่ยงล้างพอร์ต ควรใช้อย่างระมัดระวังและบริหารความเสี่ยง
- การเลือกโบรกเกอร์: ไม่ใช่แค่สเปรดต่ำ แต่ต้องดูการกำกับดูแลจากหน่วยงานน่าเชื่อถือเพื่อปกป้องทุน
สรุป: ก้าวแรกสู่การเป็นเทรดเดอร์ Forex ที่ประสบความสำเร็จ
การเรียนศัพท์ฟอเร็กซ์เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ มันช่วยให้คุณสื่อสารกับตลาด วิเคราะห์ข้อมูล และจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการนำไปใช้จริง ฝึกฝนต่อเนื่อง และเรียนรู้จากบทเรียน ฟอเร็กซ์มีโอกาสทำกำไรสูง แต่เสี่ยงสูงเช่นกัน ดังนั้น การเตรียมตัวและศึกษาอย่างต่อเนื่องจึงจำเป็น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับศัพท์ Forex
ศัพท์ Forex มือใหม่ ควรเริ่มเรียนรู้จากคำไหนก่อน?
สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นจากคำศัพท์พื้นฐานที่สำคัญที่สุด เช่น คู่สกุลเงิน, จุด, ล็อต, เลเวอเรจ, มาร์จิ้น, สเปรด, หยุดขาดทุน และ ล็อกกำไร คำเหล่านี้เป็นหัวใจของการเทรดและจะช่วยให้คุณเข้าใจการเคลื่อนไหวของตลาดและวิธีการสั่งซื้อขาย
Pip และ Lot คืออะไร มีความสำคัญต่อการเทรดอย่างไร?
จุด คือหน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เล็กที่สุดในตลาด Forex ซึ่งใช้ในการคำนวณกำไรหรือขาดทุน ส่วน ล็อต คือหน่วยมาตรฐานของปริมาณการเทรด (เช่น Standard Lot = 100,000 หน่วย) ทั้งสองคำมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นตัวกำหนดขนาดของกำไร/ขาดทุนที่คุณจะได้รับจากการเคลื่อนไหวของราคาแต่ละจุด ยิ่ง Lot ใหญ่ มูลค่าของ Pip ก็ยิ่งสูง
Leverage สูงๆ ดีจริงหรือ? มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่เทรดเดอร์ไทยควรรู้?
Leverage สูงๆ ช่วยให้คุณสามารถควบคุมตำแหน่งการเทรดที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินทุนที่คุณมี ทำให้มีโอกาสทำกำไรได้มาก แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดการณ์ แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เกิดการขาดทุนจำนวนมากและนำไปสู่การ Margin Call หรือ Stop Out (ปิดสถานะอัตโนมัติ) ได้อย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์ไทยจึงควรใช้ Leverage อย่างระมัดระวังและบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ควรพิจารณาจากศัพท์ทางเทคนิคใดบ้าง?
ในการเลือกโบรกเกอร์ ควรพิจารณาจาก:
- การกำกับดูแล: โบรกเกอร์ควรได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
- สเปรด: ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำสำหรับคู่สกุลเงินที่คุณเทรดบ่อย
- ตัวเลือกเลเวอเรจ: โบรกเกอร์ควรเสนอตัวเลือกเลเวอเรจที่เหมาะสมกับกลยุทธ์ของคุณ
- สลิปเพจ: พิจารณาประวัติของโบรกเกอร์ในการจัดการกับสลิปเพจ
- ค่าสวอป: ตรวจสอบค่า Swap สำหรับการถือสถานะข้ามคืน
Stop Loss และ Take Profit มีประโยชน์อย่างไรในการบริหารความเสี่ยง?
หยุดขาดทุน และ ล็อกกำไร เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยง โดย หยุดขาดทุน ช่วยจำกัดการขาดทุนสูงสุดที่คุณยอมรับได้ในการเทรดแต่ละครั้ง หากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดการณ์ ส่วน ล็อกกำไร ช่วยล็อกกำไรเมื่อราคาถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสทำกำไรและป้องกันไม่ให้กำไรเปลี่ยนเป็นขาดทุนในภายหลัง การใช้ SL/TP อย่างสม่ำเสมอเป็นวินัยที่สำคัญของเทรดเดอร์ที่ดี
มีตัวย่อ Forex สำคัญอะไรบ้างที่ควรรู้?
ตัวย่อที่สำคัญที่ควรรู้ได้แก่:
- SL: Stop Loss
- TP: Take Profit
- RRR: Risk-Reward Ratio (อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน)
- EA: Expert Advisor (โปรแกรมเทรดอัตโนมัติ)
- FOMC: Federal Open Market Committee (คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ)
- NFP: Non-Farm Payroll (ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ)
ศัพท์ SMC Forex คืออะไร และแตกต่างจากศัพท์การเทรดทั่วไปอย่างไร?
ศัพท์ SMC Forex ย่อมาจาก Smart Money Concepts ซึ่งเป็นชุดคำศัพท์และแนวคิดที่เน้นการวิเคราะห์ตลาดโดยพยายามทำความเข้าใจพฤติกรรมของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ (Smart Money) เช่น Order Block, Liquidity, Fair Value Gap (FVG) แตกต่างจากศัพท์การเทรดทั่วไปที่มักจะอิงกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคแบบดั้งเดิม (เช่น รูปแบบแท่งเทียน, อินดิเคเตอร์) โดย SMC จะเน้นไปที่โครงสร้างตลาดและสาเหตุเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคามากกว่า
สเปรด (Spread) ที่ต่ำที่สุดดีเสมอไปหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว สเปรดที่ต่ำที่สุดถือเป็นข้อได้เปรียบเพราะหมายถึงต้นทุนการเทรดที่ถูกลง อย่างไรก็ตาม สเปรดที่ต่ำมาก ๆ อาจมาพร้อมกับเงื่อนไขอื่น ๆ ที่คุณควรพิจารณา เช่น ค่าคอมมิชชั่นที่สูงขึ้น หรือคุณภาพการดำเนินการคำสั่ง (Execution) ที่ไม่ดีพอ ซึ่งอาจทำให้เกิด สลิปเพจ บ่อยครั้ง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือการหาสมดุลระหว่างสเปรดที่แข่งขันได้กับบริการและความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์
จะหาแหล่งเรียนรู้ศัพท์ Forex เพิ่มเติมเป็นภาษาไทยได้จากที่ไหน?
คุณสามารถหาแหล่งเรียนรู้ศัพท์ Forex เพิ่มเติมเป็นภาษาไทยได้จากหลายช่องทาง เช่น:
- เว็บไซต์ของโบรกเกอร์ Forex ที่มีส่วนการศึกษาหรือบทความสอนเทรด
- ช่อง YouTube หรือเพจ Facebook ของเทรดเดอร์หรือผู้เชี่ยวชาญ Forex ชาวไทย
- ฟอรัมหรือกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับการเทรด Forex ในประเทศไทย
- บทความและสารานุกรมออนไลน์ที่แปลเป็นภาษาไทย
การลงทุนใน Forex มีข้อควรระวังหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยอย่างไรบ้าง?
ในประเทศไทย การซื้อขาย Forex กับโบรกเกอร์ต่างประเทศยังไม่ได้รับการกำกับดูแลโดยตรงจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้น ผู้ลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงและเลือกใช้บริการโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานสากลที่น่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยของเงินทุน ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและเข้าใจถึงความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ