เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ คืออะไร? ทำความรู้จักอาณาจักรแห่งคุณค่าในปี 2025

Table of Contents

เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ คืออะไร? ทำความรู้จักอาณาจักรแห่งคุณค่ากับเรา

สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับหนึ่งในบริษัทที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดในโลกการลงทุน นั่นคือ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ (Berkshire Hathaway Inc.)

เมื่อพูดถึงเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) “เทพเจ้าแห่งโอมาฮา” ผู้เป็นประธานและซีอีโอของบริษัท แต่จริงๆ แล้วเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ไม่ใช่แค่บริษัทลงทุนทั่วไปครับ แต่เป็นบริษัทกลุ่มโฮลดิ้ง (Holding Company) ขนาดมหาศาล ที่ไม่ได้มีเพียงแค่พอร์ตการลงทุนในหุ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าของธุรกิจต่างๆ มากมาย หลากหลายอุตสาหกรรมอย่างที่คุณอาจคาดไม่ถึง

ด้วยโครงสร้างที่ซับซ้อนและปรัชญาการลงทุนที่โดดเด่น การทำความเข้าใจเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ จึงเหมือนการเจาะลึกเข้าไปในอาณาจักรธุรกิจและการเงินที่น่าทึ่ง และวันนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจทุกแง่มุมของอาณาจักรแห่งนี้ เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมและทำความเข้าใจว่าทำไมบริษัทนี้ถึงมีความสำคัญและน่าสนใจสำหรับนักลงทุน

สำนักงานใหญ่ของเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์

เมื่อสำรวจเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ เรามักพบกับฉากที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้:

  • การเติบโตทางธุรกิจที่ต่อเนื่อง
  • การลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง
  • การขยายตลาดในด้านธุรกิจใหม่ ๆ

โครงสร้างธุรกิจที่หลากหลาย: มากกว่าแค่บริษัทลงทุน

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ แตกต่างจากกองทุนรวมหรือบริษัทลงทุนอื่นๆ คือการที่บริษัทเป็นเจ้าของธุรกิจทั้งหมด (Subsidiaries) กว่า 60 แห่ง และมีสัดส่วนการถือหุ้นขนาดใหญ่ในบริษัทอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งธุรกิจเหล่านี้เองที่เป็นแหล่งรายได้หลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท ไม่ได้พึ่งพารายได้จากการลงทุนในตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว

ลองมาดูกันว่า เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ เป็นเจ้าของธุรกิจประเภทไหนบ้าง:

  • ธุรกิจประกันภัย (Insurance): นี่คือหัวใจและรากฐานสำคัญของเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ บริษัทเป็นเจ้าของบริษัทประกันยักษ์ใหญ่หลายแห่ง เช่น GEICO (ประกันภัยรถยนต์), Gen Re (ประกันภัยต่อ), และประกันภัยอื่นๆ ที่ให้บริการประกันทรัพย์สินและวินาศภัย รายได้จากธุรกิจประกันภัยไม่ได้มีเพียงแค่เบี้ยประกัน แต่ยังสร้าง “เงินกองกลาง” หรือ “Float” มหาศาล ซึ่งเบิร์กเชียร์สามารถนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมได้
  • ธุรกิจรถไฟ (Railroad): เบิร์กเชียร์เป็นเจ้าของ BNSF Railway หนึ่งในเครือข่ายรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขนส่งสินค้าทั่วประเทศ
  • ธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy and Utilities): ผ่านบริษัท Berkshire Hathaway Energy เบิร์กเชียร์ลงทุนและดำเนินธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานหมุนเวียนในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา
  • ธุรกิจการผลิต การบริการ และค้าปลีก (Manufacturing, Service, and Retail): นี่คือกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายที่สุด ภายใต้กลุ่มนี้มีบริษัทที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เช่น Duracell (แบตเตอรี่), Dairy Queen (ไอศกรีมและร้านอาหาร), Fruit of the Loom (เครื่องแต่งกาย), Lubrizol (เคมีภัณฑ์พิเศษ), NetJets (บริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว), และอื่นๆ อีกมากมาย กลุ่มนี้สร้างรายได้มหาศาลและกระจายความเสี่ยงได้ดีเยี่ยม

ความหลากหลายทางธุรกิจนี้เองที่ทำให้ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ มีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจ เพราะเมื่อธุรกิจหนึ่งชะลอตัว ธุรกิจอื่นก็ยังคงสร้างรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง นี่คือโมเดลที่แตกต่างและน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาความมั่นคงในระยะยาว

ประเภทธุรกิจ รายละเอียด
ประกันภัย บริษัท GEICO และ Gen Re
การขนส่ง BNSF Railway
พลังงาน Berkshire Hathaway Energy
การผลิตและค้าปลีก Duracell, Dairy Queen, Fruit of the Loom

หลักการลงทุนแบบ “Value Investing”: หัวใจสำคัญของเบิร์กเชียร์

เมื่อพูดถึง เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือหลักการลงทุนที่เรียกว่า Value Investing หรือ การลงทุนเน้นคุณค่า

ปรัชญานี้ไม่ได้คิดค้นโดยบัฟเฟตต์ แต่มาจากอาจารย์ของเขา นั่นคือ เบนจามิน เกรแฮม (Benjamin Graham) ผู้เขียนหนังสือ “The Intelligent Investor” ซึ่งเป็นคัมภีร์ของการลงทุนเน้นคุณค่า โดยมีแนวคิดหลักคือการมองหา “Mr. Market” ที่อารมณ์แปรปรวนและพร้อมจะเสนอขายหุ้นดีๆ ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

แต่บัฟเฟตต์ และคู่หูผู้ล่วงลับของเขา ชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger) ได้พัฒนาหลักการนี้ไปอีกขั้น จากเดิมที่เกรแฮมเน้นการซื้อบริษัทธรรมดาในราคาถูกสุดๆ บัฟเฟตต์และมังเกอร์กลับเลือกที่จะซื้อ บริษัทที่ยอดเยี่ยมในราคาที่สมเหตุสมผล พวกเขามองหาบริษัทที่มี “คูเมืองเศรษฐกิจ” (Economic Moat) หรือความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืน ซึ่งทำให้ยากที่คู่แข่งจะเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดได้ เช่น แบรนด์ที่แข็งแกร่ง, ต้นทุนต่ำกว่า, หรือเครือข่ายที่ครอบคลุม

หลักการสำคัญของการลงทุนเน้นคุณค่าของเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ได้แก่:

  • มองหาธุรกิจที่เข้าใจ: บัฟเฟตต์มักลงทุนในธุรกิจที่เขาสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ ว่าบริษัททำอะไร สร้างรายได้และกำไรได้อย่างไร
  • โฟกัสที่พื้นฐานธุรกิจ: ไม่ใช่แค่ราคาหุ้นที่ขึ้นลงในแต่ละวัน แต่คือผลประกอบการ, ความสามารถในการทำกำไร, หนี้สิน, และทีมผู้บริหาร
  • ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง: เปรียบเสมือนการซื้อของดีที่กำลังลดราคาครั้งใหญ่
  • ถือครองระยะยาว: เมื่อเจอธุรกิจที่ดีในราคาที่เหมาะสมแล้ว พวกเขาจะถือมันไว้เป็นสิบๆ ปี หรือตลอดไป เพื่อให้ผลตอบแทนทบต้นทำงานอย่างเต็มที่
  • ความเข้มงวดในการเลือก: ไม่ได้ซื้อหุ้นทุกตัวที่ราคาลง แต่เลือกเฉพาะบริษัทที่มีคุณภาพจริงๆ

ปรัชญาเหล่านี้ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีให้กับเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ได้สูงกว่าดัชนี S&P 500 อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีวินัยและวิสัยทัศน์ในการลงทุน

วอร์เรน บัฟเฟตต์กำลังพูดคุยกับนักลงทุน

พอร์ตการลงทุนหลัก: หุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เลือกสรรมาอย่างดี

นอกเหนือจากการเป็นเจ้าของธุรกิจทั้งหมดแล้ว เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ยังมีพอร์ตการลงทุนในหุ้นจดทะเบียนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการลงทุนในบริษัทมหาชนอื่นๆ โดยใช้เงินสดที่ได้จากธุรกิจประกันภัยเป็นหลัก

พอร์ตนี้ถูกบริหารจัดการภายใต้การดูแลของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เอง รวมถึงผู้จัดการกองทุนที่เขาไว้ใจอย่าง เท็ด เวสช์เลอร์ (Ted Weschler) และ ท็อดด์ คอมบ์ส (Todd Combs)

หุ้นที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนหลักของเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ มักเป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีชื่อเสียง มีความสามารถในการแข่งขันสูง และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตัวเอง ตัวอย่างเช่น:

  • Apple Inc. (AAPL): ถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในพอร์ต สะท้อนความเชื่อมั่นของบัฟเฟตต์ในพลังของแบรนด์และระบบนิเวศของ Apple
  • Bank of America Corp (BAC): หนึ่งในสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ
  • American Express Co. (AXP): บริษัทบัตรเครดิตและบริการทางการเงินชั้นนำ
  • Coca-Cola Co (KO): บริษัทเครื่องดื่มระดับโลกที่บัฟเฟตต์ถือมานานหลายสิบปี
  • Chevron Corp (CVX): บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่

นอกจากนี้ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ยังได้ขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยล่าสุดมีการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทการค้าขนาดใหญ่ 5 แห่งของญี่ปุ่น (ได้แก่ ITOCHU, Marubeni, Mitsubishi, Mitsui, และ Sumitomo) ซึ่งสะท้อนการมองหาโอกาสในตลาดนอกสหรัฐฯ

การลงทุนในหุ้นเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้หลักการ Value Investing ในทางปฏิบัติ การเลือกบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดที่ดี และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยไม่สนใจความผันผวนระยะสั้นของราคาหุ้น

ชื่อบริษัท ประเภท
Apple Inc. เทคโนโลยี
Bank of America การเงิน
American Express การเงิน
Coca-Cola เครื่องดื่ม
Chevron พลังงาน

ทำความเข้าใจหุ้น BRK.A และ BRK.B: ความแตกต่างที่นักลงทุนควรรู้

สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนใน เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือบริษัทมีหุ้นอยู่สองประเภทหลักๆ ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) นั่นคือ หุ้น Class A (BRK.A) และ หุ้น Class B (BRK.B)

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างหุ้นสองประเภทนี้ ได้แก่:

  • ราคาต่อหุ้น: นี่คือความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด หุ้น BRK.A มีราคาต่อหุ้นที่สูงมาก เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีราคาแพงที่สุดในโลก เนื่องจากเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ไม่เคยมีการแตกหุ้น (Stock Split) มาเป็นเวลานาน ในขณะที่หุ้น BRK.B มีราคาต่อหุ้นที่ถูกกว่ามาก และออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • สิทธิออกเสียง: หุ้น BRK.A มีสิทธิออกเสียงมากกว่าต่อหุ้น เมื่อเทียบกับหุ้น BRK.B (โดยทั่วไป 1 หุ้น BRK.A จะมีสิทธิออกเสียงเท่ากับ 10,000 หุ้น BRK.B) ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้น BRK.A มีอำนาจในการตัดสินใจในที่ประชุมผู้ถือหุ้นมากกว่า
  • ความสามารถในการแปลงหุ้น: หุ้น BRK.A สามารถแปลงเป็นหุ้น BRK.B ได้ แต่หุ้น BRK.B ไม่สามารถแปลงกลับเป็นหุ้น BRK.A ได้
  • สัดส่วนต่อผลประกอบการ: แม้ราคาและสิทธิออกเสียงจะต่างกัน แต่หุ้นทั้งสองประเภทแสดงถึงความเป็นเจ้าของในธุรกิจของเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ เหมือนกัน โดย 1 หุ้น BRK.A มีสัดส่วนต่อผลประกอบการเท่ากับ 1,500 หุ้น BRK.B

ดังนั้น หากคุณเป็นนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนใน เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ หุ้น BRK.B คือทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า และเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนส่วนใหญ่

เมื่อเร็วๆ นี้ หุ้น BRK.A ยังตกเป็นข่าวเนื่องจากเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคในระบบของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ทำให้ราคาหุ้นแสดงผลลดลงอย่างไม่ถูกต้องเกือบ 99% ก่อนที่จะมีการแก้ไขและยกเลิกรายการซื้อขายที่ผิดปกตินั้นไป เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของระบบข้อมูลและการซื้อขายที่แม่นยำในตลาดการเงิน

ผลประกอบการและสถานะการเงิน: ความแข็งแกร่งที่พิสูจน์ด้วยตัวเลข

ความสำเร็จของ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อเสียงของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ แต่สะท้อนผ่านตัวเลขผลประกอบการและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาอย่างยาวนาน

หนึ่งในสถิติที่น่าประทับใจที่สุดคือ ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (Compound Annual Growth Rate – CAGR) ของมูลค่าตามบัญชี (Book Value) ของเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่บัฟเฟตต์ให้ความสำคัญอย่างมาก ในช่วงปี 1965 ถึง 2024 บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีได้สูงถึง 19.9% ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 ในช่วงเวลาเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญ

ในแง่ของรายได้และกำไร เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ มีรายได้มาจากหลายแหล่งตามที่ได้กล่าวไปในหัวข้อธุรกิจหลากหลาย ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี ในปี 2023 แหล่งรายได้หลักมาจากธุรกิจการผลิต McLane Company บริการและค้าปลีก และธุรกิจประกันภัย GEICO

สถานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ มักจะถือเงินสดจำนวนมหาศาลไว้ ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา เงินสดสำรองนี้ได้พุ่งสูงขึ้นทำสถิติใหม่ แสดงถึงความระมัดระวังและรอคอยโอกาสในการลงทุนครั้งใหญ่ ในมุมมองของบัฟเฟตต์ เงินสดก็เหมือน “กระสุนสำรอง” ที่พร้อมใช้เมื่อมีโอกาสที่ดีปรากฏขึ้น

นอกจากนี้ ด้วยขนาดของธุรกิจและผลกำไรที่สูงมาก ทำให้ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ เป็นหนึ่งในผู้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลรายใหญ่ที่สุดให้กับรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงขนาด ความสำคัญทางเศรษฐกิจ และความสามารถในการสร้างผลกำไรอย่างสม่ำเสมอของอาณาจักรแห่งนี้

ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (%)
1965-2024 19.9%
2023 ตัวเลขยังไม่เผยแพร่

การสืบทอดตำแหน่ง: การเปลี่ยนผ่านสู่ผู้นำรุ่นต่อไป (เกร็ก เอเบล)

คำถามที่นักลงทุนหลายคนกังวลมาโดยตลอดเกี่ยวกับ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ คือ “จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่อยู่แล้ว?” ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นของบัฟเฟตต์ (ปัจจุบันอยู่ในช่วง 90 ปี) แผนการสืบทอดตำแหน่งจึงเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด

เพื่อคลายความกังวลและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า เกร็ก เอเบล (Greg Abel) ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานดูแลธุรกิจที่ไม่ใช่ประกันภัยของบริษัท ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ที่จะมารับตำแหน่งประธานและซีอีโอต่อจากเขา

เกร็ก เอเบล เป็นผู้บริหารที่มากประสบการณ์และทำงานกับเบิร์กเชียร์มานาน เขามีส่วนสำคัญในการดูแลและบริหารธุรกิจในกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค (Berkshire Hathaway Energy) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของอาณาจักรเบิร์กเชียร์ การเลือกเอเบลสะท้อนถึงความต้องการผู้นำที่มีความเข้าใจเชิงลึกในธุรกิจปฏิบัติการจริงของเบิร์กเชียร์

แม้ว่าบัฟเฟตต์จะเป็นตำนานที่ยากจะหาใครมาแทนที่ได้ในแง่ของวิสัยทัศน์การลงทุนและการสื่อสารกับนักลงทุน แต่การมีแผนการสืบทอดที่ชัดเจนและมีการเตรียมการล่วงหน้าก็เป็นสัญญาณที่ดี แสดงให้เห็นถึงความยั่งยืนขององค์กรในระยะยาว บทบาทของเอเบลจะเป็นการนำพาเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ สู่ยุคใหม่ โดยยังคงยึดมั่นในหลักการและวัฒนธรรมองค์กรที่บัฟเฟตต์ได้สร้างไว้

เราในฐานะนักลงทุน ควรติดตามดูว่าภายใต้การนำของ เกร็ก เอเบล ทิศทางและกลยุทธ์ของ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ จะมีการปรับเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดสรรเงินทุนและการเข้าซื้อกิจการใหม่ๆ

ปรัชญาการบริหารและจดหมายถึงผู้ถือหุ้น: บทเรียนจากวอร์เรน บัฟเฟตต์

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นที่เคารพอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่แค่ผลตอบแทนการลงทุนที่โดดเด่น แต่เป็นปรัชญาการบริหารจัดการและความโปร่งใสในการสื่อสารกับผู้ถือหุ้น

วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีชื่อเสียงในเรื่องการเขียน จดหมายถึงผู้ถือหุ้นประจำปี (Annual Letter to Shareholders) ซึ่งไม่ใช่แค่รายงานผลประกอบการทั่วไป แต่เป็นเหมือนชั้นเรียนการลงทุนและธุรกิจที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้เรียนรู้ ในจดหมายเหล่านี้ บัฟเฟตต์จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆ ของเบิร์กเชียร์, ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการลงทุน, วิจารณ์ตัวเองอย่างตรงไปตรงมาเมื่อตัดสินใจผิดพลาด, และแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเงิน

ปรัชญาการบริหารที่สำคัญของบัฟเฟตต์ ได้แก่:

  • ความซื่อสัตย์และความโปร่งใส: เขาเชื่อมั่นในการสื่อสารที่ตรงไปตรงมากับผู้ถือหุ้น ยอมรับความผิดพลาด และให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจลงทุน
  • การให้อำนาจแก่ผู้บริหาร: บัฟเฟตต์มักจะซื้อธุรกิจที่มีผู้บริหารเก่งๆ และให้อิสระในการดำเนินงานแก่พวกเขา โดยเบิร์กเชียร์ทำหน้าที่เป็นเหมือน “กองทัพเรือ” ที่สนับสนุน แต่ไม่ได้ลงไปแทรกแซงการบริหาร “เรือรบ” แต่ละลำมากนัก
  • วัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง: เน้นความประหยัด, การคิดระยะยาว, และการทำสิ่งที่ถูกต้องตามหลักจริยธรรม
  • การเน้นที่กระแสเงินสดและผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น: ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การเติบโตของขนาด แต่เน้นที่ความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นจริงๆ

การอ่านจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของบัฟเฟตต์ หรือการเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีที่โอมาฮา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “วูดสต็อกของนักลงทุนทุนนิยม” (Woodstock for Capitalists) ถือเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทุกคนที่ต้องการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก

นักลงทุนในงานประชุมผู้ถือหุ้นของเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์

เหตุการณ์ล่าสุด: เมื่อราคาหุ้น BRK.A ผิดพลาดทางเทคนิค

ในโลกของการลงทุน แม้แต่บริษัทที่แข็งแกร่งอย่าง เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ก็ไม่พ้นจากความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นกับระบบตลาดได้

เมื่อไม่นานมานี้ ได้เกิดเหตุการณ์ผิดปกติกับราคาหุ้น BRK.A ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) โดยราคาหุ้นได้แสดงผลลดลงอย่างรุนแรงผิดปกติ กว่า 99% ในช่วงสั้นๆ สร้างความแตกตื่นให้กับนักลงทุนจำนวนมาก

สาเหตุของเหตุการณ์นี้ได้รับการเปิดเผยในภายหลังว่าเกิดจากปัญหาทางเทคนิคเกี่ยวกับ “Price Bands” ซึ่งเป็นกลไกที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันความผันผวนของราคาหุ้นที่มากเกินไป โดยมีหน่วยงานที่เรียกว่า Consolidated Tape Association (CTA) ซึ่งทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลการซื้อขายจากตลาดต่างๆ เป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบ

ปัญหานี้ทำให้การซื้อขายหุ้น BRK.A ต้องหยุดชะงักลงชั่วคราวในตลาด NYSE ก่อนที่จะมีการแก้ไขระบบและยกเลิกรายการซื้อขายที่เกิดขึ้นในช่วงที่ราคาผิดปกติไปทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อนักลงทุนที่อาจเผลอซื้อหรือขายหุ้นไปในราคาที่ผิดพลาด

เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจเราว่า แม้ตลาดหุ้นจะเป็นระบบที่มีความซับซ้อนและพยายามสร้างความมั่นคงทางเทคนิค แต่ก็ยังสามารถเกิดความผิดพลาดได้ ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และการทำความเข้าใจกลไกพื้นฐานของตลาดที่คุณลงทุนอยู่

การเข้าถึงหุ้นเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ในตลาด

หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้และเริ่มสนใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ คำถามต่อไปคือ คุณจะสามารถเข้าถึงหรือซื้อขายหุ้นของบริษัทนี้ได้อย่างไร?

อย่างที่เราได้อธิบายไปแล้ว เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ มีหุ้นสองประเภทคือ BRK.A และ BRK.B ทั้งสองประเภทนี้จดทะเบียนและซื้อขายอยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับนักลงทุนในประเทศไทยหรือภูมิภาคอื่นๆ ที่ต้องการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ คุณสามารถทำได้ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น:

  • บริษัทหลักทรัพย์ (Brokerage) ในประเทศไทย: บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งในปัจจุบันมีบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงหุ้นในตลาดสหรัฐฯ คุณสามารถเปิดบัญชีกับบริษัทเหล่านี้ และทำการซื้อขายหุ้น BRK.B ได้โดยตรง (หุ้น BRK.A มีราคาสูงมากและอาจไม่สามารถซื้อเป็นจำนวนน้อยได้ผ่านทุกโบรกเกอร์)
  • แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ระหว่างประเทศ: มีแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ระดับโลกหลายแห่งที่ให้บริการแก่นักลงทุนทั่วโลก ซึ่งคุณสามารถเปิดบัญชีและซื้อขายหุ้นในตลาด NYSE ได้โดยตรงเช่นกัน

สิ่งสำคัญคือการเลือกช่องทางที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม รวมถึงการทำความเข้าใจขั้นตอนและข้อกำหนดในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ

การลงทุนในหุ้น BRK.B ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัทที่มีประวัติผลประกอบการที่แข็งแกร่ง มีการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ และยึดมั่นในปรัชญาการลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

สรุป: เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ยังน่าสนใจสำหรับนักลงทุนไหม?

ตลอดบทความนี้ เราได้สำรวจแง่มุมต่างๆ ของ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ตั้งแต่โครงสร้างธุรกิจที่หลากหลาย, หลักการลงทุนเน้นคุณค่าของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ ชาร์ลี มังเกอร์, พอร์ตการลงทุนในบริษัทชั้นนำ, ความแตกต่างระหว่างหุ้น BRK.A และ BRK.B, ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง, แผนการสืบทอดตำแหน่งโดย เกร็ก เอเบล, ไปจนถึงปรัชญาการบริหารที่เน้นความโปร่งใส

สิ่งที่โดดเด่นของ เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ คือโมเดลธุรกิจที่ผสมผสานการเป็นเจ้าของธุรกิจภาคปฏิบัติจำนวนมากเข้ากับการลงทุนในหุ้นคุณภาพดี ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างแหล่งรายได้ที่มั่นคง

หลักการลงทุนแบบ Value Investing ที่มุ่งเน้นการซื้อธุรกิจที่ดีในราคาที่สมเหตุสมผลและถือครองระยะยาว ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนมูลค่าของบริษัทมาโดยตลอด และเป็นบทเรียนอันล้ำค่าสำหรับนักลงทุนทุกคน

แม้จะมีความท้าทายในการสืบทอดตำแหน่งจากผู้บริหารระดับตำนานอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ แต่แผนการที่ชัดเจนและการมีผู้นำที่มีประสบการณ์อย่าง เกร็ก เอเบล ก็เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของบริษัท

สำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่มองหาการลงทุนระยะยาวในบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการบริหารจัดการที่น่าเชื่อถือ และมีประวัติผลตอบแทนที่ดี เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ (โดยเฉพาะหุ้น BRK.B ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า) ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งให้คุณพิจารณาในการสร้างพอร์ตโฟลิโอของคุณ.

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับberkshire hathaway คือ

Q:เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์มีเจ้าของหรือทำธุรกิจประเภทไหนบ้าง?

A:เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์มีธุรกิจหลากหลาย เช่น ประกันภัย, รถไฟ, พลังงาน, การผลิต และค้าปลีก

Q:หลักการลงทุนของเบิร์กเชียร์ คืออะไร?

A:หลักการลงทุนเน้นคุณค่าหรือ Value Investing คือการซื้อธุรกิจที่ดีในราคาที่สมเหตุสมผลและถือครองระยะยาว

Q:หุ้น BRK.A มีความแตกต่างจาก BRK.B อย่างไร?

A:หุ้น BRK.A ราคาแพงกว่าและมีสิทธิออกเสียงมากกว่าหุ้น BRK.B ตลอดจนสามารถแปลงเป็น BRK.B ได้ แต่ไม่สามารถแปลงกลับได้

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *