อัปเดตล่าสุด: รายชื่อหุ้นกู้ออกใหม่ 2566 ที่น่าจับตา
ปี 2566 ถือเป็นปีที่ตลาดหุ้นกู้ในไทยคึกคักมากกว่าปกติ ด้วยบริษัทชั้นนำหลายรายที่ออกหุ้นกู้รุ่นใหม่เพื่อระดมทุน สร้างทางเลือกให้ผู้ลงทุนหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือนักลงทุนที่มีประสบการณ์ การติดตามข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสดีๆ โดยเฉพาะหุ้นกู้จากบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงและอันดับเครดิตมั่นคง

ข้อมูลหุ้นกู้ออกใหม่หาได้จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลหลักสำหรับตราสารหนี้ในประเทศ หรือเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ให้ข้อมูลโปร่งใส
ด้านล่างนี้คือตัวอย่างหุ้นกู้บางรุ่นที่ออกใหม่และได้รับความสนใจในปี 2566 (ข้อมูลนี้เป็นตัวอย่างเท่านั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)
บริษัท (ผู้เสนอขาย) | อัตราดอกเบี้ย (ต่อปี) | ระยะเวลา (ปี) | อันดับเครดิต (บริษัท/หุ้นกู้) | วันที่เปิดจอง (โดยประมาณ) | มูลค่าขั้นต่ำ (บาท) |
---|---|---|---|---|---|
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) | 3.30% – 4.70% | 3 – 10 | A+ (Thai Rating and Information Services – TRIS) | Q2-Q4 2566 | 100,000 |
บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) | 3.00% – 4.10% | 3 – 7 | AAA (TRIS) | Q3 2566 | 1,000 บาท (สำหรับหุ้นกู้ดิจิทัล) / 100,000 บาท |
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) | 2.80% – 4.50% | 3 – 10 | AA+ (TRIS) | Q1-Q4 2566 | 100,000 |
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) | 3.00% – 4.00% | 5 – 10 | AA+ (TRIS) | Q4 2566 | 100,000 |
บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCBX) | 3.50% – 4.90% | 5 – 15 | AA (TRIS) | Q2-Q4 2566 | 100,000 |

เมื่อเลือกหุ้นกู้ อย่าลืมพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่น่าดึงดูดควบคู่กับอันดับเครดิตของผู้ออก ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพในการชำระหนี้ รวมถึงระยะเวลาที่ตรงกับแผนการเงินของคุณ เพื่อให้การลงทุนสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง
เข้าใจหุ้นกู้: ประเภทและความแตกต่าง
หุ้นกู้มีหลากหลายรูปแบบ แต่ละแบบมีลักษณะเฉพาะและระดับความเสี่ยงที่ต่างกัน การรู้จักประเภทเหล่านี้ช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะก่อนที่จะลงทุนในหุ้นกู้ออกใหม่

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ (Senior Debentures) vs. หุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Subordinated Debentures)
- หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ: ประเภทนี้ให้สิทธิ์ผู้ถือได้รับการชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น หากบริษัทเกิดล้มละลายหรือผิดนัดชำระ ทำให้ความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคง
- หุ้นกู้ด้อยสิทธิ: ผู้ถือจะได้รับชำระหลังจากเจ้าหนี้หลักและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ แต่ก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ ถึงแม้เสี่ยงมากกว่า แต่ก็มักให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเพื่อชดเชย
หุ้นกู้มีประกัน (Secured Debentures) vs. หุ้นกู้ไม่มีประกัน (Unsecured Debentures)
- หุ้นกู้มีประกัน: บริษัทนำสินทรัพย์อย่างที่ดินหรือเครื่องจักรมาค้ำประกัน หากชำระหนี้ไม่ได้ ผู้ถือสามารถขายสินทรัพย์เหล่านั้นเพื่อทวงเงินคืน ลดความเสี่ยงได้ชัดเจน
- หุ้นกู้ไม่มีประกัน: อาศัยกำลังการเงินและการดำเนินงานของบริษัทเป็นหลัก ไม่มีหลักประกัน ทำให้เสี่ยงสูงกว่า แต่บางครั้งให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ
หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Debentures) vs. หุ้นกู้ไม่แปลงสภาพ (Non-Convertible Debentures)
- หุ้นกู้แปลงสภาพ: ผู้ถือสามารถเปลี่ยนหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญตามเงื่อนไขที่กำหนด ดอกเบี้ยอาจต่ำกว่า แต่มีโอกาสได้กำไรจากราคาหุ้นที่ขึ้น
- หุ้นกู้ไม่แปลงสภาพ: ให้ดอกเบี้ยและเงินต้นตามกำหนดเท่านั้น ไม่มีตัวเลือกแปลงเป็นหุ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้คงที่
นอกจากนี้ ในตลาดไทยยังมีหุ้นกู้ประเภทพิเศษ เช่น หุ้นกู้นิรันดร์ที่ไม่มีวันไถ่ถอน หรือหุ้นกู้ที่มีโครงสร้างซับซ้อน ก่อนลงทุน ควรอ่านรายละเอียดเงื่อนไขให้ละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
ขั้นตอนการจองซื้อหุ้นกู้ 2566: ทำอย่างไร?
การจองซื้อหุ้นกู้ในปี 2566 ไม่ยุ่งยาก หากเตรียมตัวให้พร้อมและเลือกช่องทางที่เหมาะสม ขั้นตอนเหล่านี้ยังใช้ได้ในปีถัดๆ ไป โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนรายย่อย
คุณสมบัติของผู้จองซื้อ
ผู้ที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้รายย่อยต้องตรงตามเกณฑ์พื้นฐานเหล่านี้:
- เป็นบุคคลธรรมดาอายุเกิน 20 ปี
- ถือสัญชาติไทย
- มีบัญชีธนาคารสำหรับรับดอกเบี้ยและเงินต้น
- เปิดบัญชีหลักทรัพย์กับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุมัติ
ช่องทางการจองซื้อ
หุ้นกู้ส่วนใหญ่ขายผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ ช่องทางหลักมีดังนี้:
- ผ่านธนาคาร: ธนาคารใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพ (BBL), กสิกรไทย (KBank), ไทยพาณิชย์ (SCB), กรุงศรีอยุธยา (Krungsri) เป็นตัวแทนหลัก คุณสามารถไปสาขา จองผ่านแอปมือถือหรืออินเทอร์เน็ตแบงกิ้งได้สะดวก
- ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.): หลายโบรกเกอร์ทำหน้าที่ตัวแทนเช่นกัน ติดต่อที่ปรึกษาการลงทุนหรือใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อจอง
- จองซื้อผ่านแอปพลิเคชัน: สำหรับหุ้นกู้ดิจิทัล บางรุ่นเปิดจองตรงผ่านแอปอย่าง “เป๋าตัง” หรือแอปธนาคาร มูลค่าขั้นต่ำต่ำ เพื่อให้รายย่อยเข้าถึงง่าย
เอกสารที่ต้องใช้
เตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อมสำหรับการจอง:
- บัตรประชาชน
- สมุดบัญชีธนาคารสำหรับผูกบัญชี
- เอกสารยืนยันตัวตนเพิ่มเติมตามที่ตัวแทนกำหนด เช่น ทะเบียนบ้าน
- เอกสารเปิดบัญชีหลักทรัพย์ หากยังไม่มี
เคล็ดลับสำหรับมือใหม่: ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้น ลองเปิดบัญชีกับธนาคารที่ถนัด แล้วคุยกับที่ปรึกษาเพื่อเข้าใจขั้นตอนให้ชัดเจน ก่อนกดจองจริง
ผลตอบแทนและความเสี่ยง: ก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้นกู้
แม้หุ้นกู้จะดูมั่นคงกว่าหุ้น แต่ก็มีทั้งผลตอบแทนที่น่าดึงดูดและความเสี่ยงที่ต้องชั่งน้ำหนัก การรู้จักทั้งสองด้านช่วยให้คุณลงทุนอย่างมีสติ
ผลตอบแทนที่คาดหวังจากหุ้นกู้
ผลตอบแทนหลักมาจาก ดอกเบี้ย (Coupon Rate) ที่จ่ายเป็นงวด เช่น ทุกไตรมาสหรือรายปี จนครบกำหนด นอกจากนี้ ถ้าซื้อในตลาดรองแล้วราคาขึ้น คุณอาจได้ กำไรส่วนต่าง (Capital Gain) เพิ่ม
อัตราดอกเบี้ยคงที่ตั้งแต่เริ่ม ทำให้คาดการณ์รายได้ได้ง่าย เหมาะสำหรับคนที่อยากได้กระแสเงินสดสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจผันผวน
ความเสี่ยงหลักที่ต้องพิจารณา
- ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk): หลักๆ คือบริษัทอาจผิดนัดชำระ ประเมินได้จาก อันดับเครดิต (Credit Rating) โดย TRIS Rating อันดับสูงอย่าง AAA หรือ AA แสดงถึงความเสี่ยงต่ำ
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk): อาจขายหุ้นกู้ยากหรือได้ราคาไม่ดี โดยเฉพาะรุ่นจากบริษัทเล็กหรืออายุยาว
- ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk): ถ้าดอกเบี้ยตลาดขึ้น ราคาหุ้นกู้เก่าที่ดอกเบี้ยต่ำอาจตก ส่งผลขาดทุนถ้าขายก่อนกำหนด
- ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ (Inflation Risk): เงินเฟ้อสูงทำให้ผลตอบแทนจริงลดลง กำลังซื้อเงินที่ได้อาจไม่คุ้ม
เพื่อลดความเสี่ยง ลองกระจายลงทุนหลายบริษัท ศึกษาอันดับเครดิตดีๆ และเลือกอายุหุ้นกู้ที่ตรงกับแผนของคุณ
ปัจจัยสำคัญในการเลือกหุ้นกู้: ฉบับนักลงทุนไทย
การเลือกหุ้นกู้ไม่ใช่แค่ดูดอกเบี้ยสูงๆ แต่ต้องมองภาพรวม โดยเฉพาะในตลาดไทยที่ได้รับการกำกับดูแลเข้มงวด
ประเมินอันดับเครดิตและสุขภาพทางการเงินของบริษัท
เริ่มจากอันดับเครดิตเพื่อเช็คความน่าเชื่อถือ แต่ควรดู งบการเงิน ด้วย เพื่อเห็นกระแสเงินสดและกำไรจริงๆ สิ่งนี้ยืนยันว่าบริษัทแข็งแกร่งพอจะชำระหนี้
ตัวอย่าง: ถ้าบริษัทหนี้เยอะหรือเงินสดไหลออกต่อเนื่อง แม้อันดับเครดิตดี ก็ควรระวังสัญญาณเตือนเหล่านี้
พิจารณาอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลา
ดอกเบี้ยสูงน่าลงทุน แต่ต้องถามว่าตรงกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ไหม รวมถึงเลือกอายุหุ้นกู้ให้เข้ากับเป้าหมาย ถ้าต้องการเงินเร็ว หุ้นกู้ยาวอาจไม่เหมาะ
สภาพคล่องและตลาดรอง
ถึงดอกเบี้ยสม่ำเสมอ แต่บางครั้งต้องขายก่อนกำหนด ตลาดรองที่มีสภาพคล่องดีช่วยให้ขายง่ายและได้ราคาพอใจ เช็คปริมาณซื้อขายจาก ThaiBMA ได้
ศึกษาข้อกำหนดและเงื่อนไขของหุ้นกู้
เอกสารชี้ชวนคือกุญแจสำคัญ บอกทุกอย่างตั้งแต่ประเภท สิทธิ์ผู้ถือ ไปจนถึงเงื่อนไขผิดนัด อ่านให้ละเอียดหรือถามผู้เชี่ยวชาญ
ใช้ข้อมูลจาก ThaiBMA สำหรับหุ้นกู้ออกใหม่ เพื่อตัดสินใจอย่างมั่นใจในตลาดไทย
หุ้นกู้ 2567-2568: แนวโน้มและโอกาสในอนาคต
หลังจากปี 2566 ตลาดหุ้นกู้ไทยยังมีศักยภาพในปี 2567-2568 ด้วยปัจจัยเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับนักลงทุน
ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค
อัตราเงินเฟ้อและนโยบายการเงิน: ถ้าเงินเฟ้อยังสูง ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจคงหรือขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้หุ้นกู้ใหม่มีอัตราดอกเบี้ยสูงตาม
การเติบโตทางเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจไทยและโลกฟื้นตัวจะช่วยให้บริษัททำกำไรดีขึ้น เพิ่มความน่าเชื่อถือในการออกหุ้นกู้
การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยโลก: นโยบายจาก Fed สหรัฐฯ สามารถกระทบตลาดทุนไทยได้เช่นกัน
โอกาสและประเภทหุ้นกู้ที่น่าสนใจในอนาคต
หุ้นกู้ดิจิทัล: คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยมูลค่าขั้นต่ำต่ำอย่าง 1,000 บาท ช่วยให้รายย่อยเข้าถึงง่าย
หุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bonds): เช่น Green Bonds หรือ Social Bonds จะเติบโต ตามกระแส ESG ที่บริษัทและนักลงทุนให้ความสำคัญ
หุ้นกู้ของบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตสูง: ภาคพลังงานสะอาด เทคโนโลยี สุขภาพ อาจมีหุ้นกู้ดอกเบี้ยดีๆ ออกมา
ติดตามข่าวเศรษฐกิจใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ ไม่ว่าจะหุ้นกู้ออกใหม่เมษายน 2568 หรือช่วงอื่นในปี 2567-2568 การเตรียมตัวดีจะช่วยคว้าโอกาส
สรุปและข้อคิดสำหรับการลงทุนหุ้นกู้
หุ้นกู้ออกใหม่ปี 2566 เป็นทางเลือกดีสำหรับผลตอบแทนสม่ำเสมอและเสี่ยงจัดการได้ แต่ทุกการลงทุนมีความไม่แน่นอน การศึกษาละเอียดจึงสำคัญยิ่ง
ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนควรจดจำ:
- เข้าใจประเภทหุ้นกู้และเงื่อนไขให้ชัด
- เช็คความน่าเชื่อถือบริษัทจากอันดับเครดิตและงบการเงิน
- เลือกดอกเบี้ยและอายุให้ตรงเป้าหมาย
- รู้ช่องทางจองและเอกสารที่ต้องใช้
- จัดการเสี่ยงด้วยการกระจายลงทุนและติดตามข่าว
ตลาดตราสารหนี้ไทยโปร่งใสภายใต้ ก.ล.ต. ใช้แหล่งข้อมูลดีๆ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลงทุนหุ้นกู้ได้อย่างมั่นใจและสำเร็จ
หุ้นกู้คืออะไร และเหมาะกับนักลงทุนไทยแบบไหน?
หุ้นกู้คือตราสารหนี้ที่บริษัทออกเพื่อระดมเงินทุนจากประชาชน โดยบริษัทจะสัญญาว่าจะจ่ายดอกเบี้ยคืนให้ผู้ลงทุนเป็นงวดๆ และจะคืนเงินต้นให้เมื่อครบกำหนดไถ่ถอน เหมาะกับนักลงทุนไทยที่ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นสามัญ หรือผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
ฉันจะหาข้อมูลหุ้นกู้ออกใหม่ 2566 ที่เชื่อถือได้จากแหล่งใดในประเทศไทย?
คุณสามารถหาข้อมูลหุ้นกู้ออกใหม่ 2566 ที่เชื่อถือได้จาก:
- สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
- เว็บไซต์ของธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย
ขั้นตอนการจองซื้อหุ้นกู้ออกใหม่ 2566 ผ่านธนาคารหรือโบรกเกอร์ไทยทำอย่างไร?
โดยทั่วไป คุณจะต้องมีบัญชีหลักทรัพย์กับธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย จากนั้นสามารถจองซื้อได้ผ่านสาขาธนาคาร แอปพลิเคชัน Mobile Banking/Internet Banking หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ของบริษัทหลักทรัพย์ โดยเตรียมบัตรประชาชนและบัญชีธนาคารสำหรับชำระเงิน
หุ้นกู้ที่ดอกเบี้ยสูงมากๆ ในปี 2566 มีความเสี่ยงอะไรที่นักลงทุนไทยต้องระวังเป็นพิเศษ?
หุ้นกู้ที่เสนออัตราดอกเบี้ยสูงมากๆ มักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น นั่นคือความเสี่ยงที่บริษัทผู้ออกจะไม่สามารถชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยได้ นักลงทุนไทยควรตรวจสอบอันดับเครดิตของบริษัทอย่างละเอียด และพิจารณาสุขภาพทางการเงินของบริษัทประกอบด้วย
การลงทุนหุ้นกู้มีผลทางภาษีอย่างไรสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาในประเทศไทย?
ดอกเบี้ยที่ได้รับจากหุ้นกู้สำหรับบุคคลธรรมดาในประเทศไทยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% อย่างไรก็ตาม หากดอกเบี้ยรวมทั้งปีไม่เกิน 20,000 บาท ผู้ลงทุนสามารถเลือกที่จะไม่นำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตอนสิ้นปีได้ แต่ถ้าเกิน 20,000 บาท จะต้องนำไปรวมคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า
ถ้าต้องการลงทุนหุ้นกู้ 2566 แต่เป็นมือใหม่ ควรเริ่มต้นอย่างไรให้ปลอดภัย?
สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาพื้นฐานของหุ้นกู้ เลือกลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทที่มีอันดับเครดิตสูง (เช่น AA หรือ AAA) และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อขอคำแนะนำ นอกจากนี้ ควรเริ่มต้นด้วยการลงทุนในจำนวนเงินที่ไม่มากนัก และกระจายการลงทุนในหุ้นกู้หลายรุ่นหรือหลายบริษัท
หุ้นกู้ด้อยสิทธิและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ แตกต่างกันอย่างไรในบริบทของตลาดไทย?
ในตลาดไทย หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ (Senior Debentures) ผู้ถือจะมีสิทธิ์ได้รับการชำระหนี้ก่อนในกรณีที่บริษัทล้มละลายหรือผิดนัดชำระหนี้ ส่วนหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Subordinated Debentures) ผู้ถือจะได้รับการชำระหนี้ภายหลังเจ้าหนี้รายอื่นและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ทำให้มีความเสี่ยงสูงกว่าและมักจะเสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าเพื่อชดเชย
นอกเหนือจากหุ้นกู้ 2566 แล้ว มีหุ้นกู้ออกใหม่ 2567-2568 ที่น่าสนใจบ้างหรือไม่?
มีแนวโน้มว่าจะมีหุ้นกู้ออกใหม่ที่น่าสนใจต่อเนื่องในปี 2567-2568 โดยเฉพาะจากบริษัทขนาดใหญ่และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพการเติบโต เช่น พลังงานสะอาด หรือเทคโนโลยี นอกจากนี้ หุ้นกู้ดิจิทัลก็น่าจะยังคงเป็นที่นิยม นักลงทุนควรติดตามข่าวสารจาก ThaiBMA และ ก.ล.ต. อย่างต่อเนื่อง
บริษัทใดในประเทศไทยที่มักจะออกหุ้นกู้เป็นประจำและมีความน่าเชื่อถือสูง?
บริษัทขนาดใหญ่และกลุ่มธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินมักจะออกหุ้นกู้เป็นประจำและมีความน่าเชื่อถือสูง ตัวอย่างเช่น บริษัทในกลุ่มพลังงาน (เช่น PTT, PTTEP), กลุ่มสื่อสาร (เช่น TRUE), กลุ่มปิโตรเคมีและวัสดุก่อสร้าง (เช่น SCC), และสถาบันการเงินชั้นนำ (เช่น BBL, SCB, KBank) ซึ่งส่วนใหญ่มีอันดับเครดิตในระดับ Investment Grade
ฉันสามารถขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดได้หรือไม่ และมีช่องทางใดบ้างในตลาดรองของไทย?
คุณสามารถขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดได้ในตลาดรอง โดยติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่คุณเปิดบัญชีไว้เพื่อส่งคำสั่งขาย อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องของตลาดรองสำหรับหุ้นกู้รายย่อยอาจแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น และราคาขายอาจสูงหรือต่ำกว่าราคาที่ซื้อมา ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและอัตราดอกเบี้ยในขณะนั้น