ICT (Inner Circle Trader) คืออะไร? ประวัติและผู้ก่อตั้ง
ICT ย่อมาจาก Inner Circle Trader ซึ่งเป็นแนวคิดและวิธีการเทรดที่เน้นการมองตลาดจากมุมมองของสถาบันการเงินขนาดใหญ่และเงินทุนฉลาด หรือที่เรียกว่า Smart Money แนวคิดนี้ช่วยให้เราเข้าใจว่าผู้เล่นรายใหญ่ขับเคลื่อนราคาอย่างไร โดยถูกพัฒนาขึ้นและเผยแพร่โดย Michael Huddleston ชื่อที่คุ้นเคยในฐานะ The ICT หรือ Michael from ICT เขาอ้างว่ามีประสบการณ์ยาวนานในวงการการเงิน และได้ถอดรหัสรูปแบบที่สถาบันใช้ในการซื้อขาย เพื่อให้เทรดเดอร์รายย่อยอย่างเราสามารถตามรอยเงินทุนเหล่านี้ได้

Michael Huddleston เริ่มแบ่งปันความรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น YouTube และฟอรัมเทรด ตั้งแต่ช่วงปี 2010 เป็นต้นมา ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเปิดเผยความจริงเบื้องหลังการทำงานของตลาดที่มักถูกปกปิดจากเทรดเดอร์ทั่วไป แนวคิดของเขาสร้างกระแสในชุมชนเทรดทั่วโลก และมีผู้ติดตามจำนวนมากที่ยอมรับปรัชญาการเทรดแบบนี้
แก่นแท้ของ ICT Concept: หลักการสำคัญที่เทรดเดอร์ควรรู้
หัวใจของแนวคิด ICT คือการฝึกอ่านพฤติกรรมราคาในตลาด โดยเฉพาะจุดที่ Smart Money น่าจะเข้า-ออกการเทรด หลักการเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องมือเทคนิคทั่วไป แต่เป็นมุมมองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการไหลของสภาพคล่องและโครงสร้างตลาดโดยรวม ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น

Liquidity (สภาพคล่อง): หัวใจของการเคลื่อนไหวของราคา
ตามมุมมอง ICT สภาพคล่องเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่ทำให้ตลาดเคลื่อนไหว สถาบันใหญ่ต้องการสภาพคล่องมหาศาลเพื่อเปิดหรือปิดออเดอร์โดยไม่ทำให้ราคาผันผวนรุนแรงมากเกินไป ดังนั้น ราคามักจะมุ่งหน้าไปยังจุดที่มีสภาพคล่องสูง เช่น พื้นที่ที่ Stop Loss ของเทรดเดอร์รายย่อยกระจุกตัวอยู่ หรือจุดที่ทุกคนคาดหวังการกลับตัว สภาพคล่องเหล่านี้อาจปรากฏเป็น Buy Side Liquidity ด้านบนแนวต้าน หรือ Sell Side Liquidity ด้านล่างแนวรับ การรู้ตำแหน่งเหล่านี้ช่วยให้เราคาดเดาทิศทางราคาได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อตลาดเริ่มกวาดสภาพคล่องเพื่อเตรียมขยับใหญ่
Order Block (OB): จุดกลับตัวที่สำคัญ
Order Block หมายถึงแท่งเทียนหรือกลุ่มแท่งที่บ่งบอกถึงการสะสมคำสั่งซื้อขายจำนวนมากจากสถาบัน ก่อนที่ราคาจะพลิกผันอย่างรุนแรงในทิศทางตรงข้าม ICT แนะนำให้เราค้นหาจุดเหล่านี้ ซึ่งมักเป็นบริเวณที่ราคาอาจหยุดพักหรือเด้งกลับหลังจากเคลื่อนไหวไปแล้ว การหา Order Block ที่ถูกต้องช่วยให้มีจุดเข้า-ออกที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ตลาดดูเหมือนจะอ่อนแรงแต่จริงๆ แล้วกำลังเตรียมตัวสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
Fair Value Gap (FVG): ช่องว่างแห่งโอกาส
Fair Value Gap หรือ Imbalance คือช่องว่างราคาที่เกิดจากการเคลื่อนไหวรวดเร็วและแรงในทิศทางเดียว จนทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างฝั่งซื้อและขาย ใน ICT ช่องว่างเหล่านี้แสดงถึงพื้นที่ที่ตลาดยังไม่สมเหตุสมผล และราคามีโอกาสกลับมาเติมเต็มในภายหลัง ซึ่งเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์เข้าตำแหน่งเมื่อราคาเข้ามาทดสอบจุดนั้น เช่น หากราคาพุ่งขึ้นอย่างกะทันหันและทิ้งช่องว่างไว้ การรอให้ราคาย่อลงมาอาจเป็นจังหวะซื้อที่ดี โดยพิจารณาจากบริบทโดยรวมของตลาด
Market Structure (โครงสร้างตลาด): การทำความเข้าใจทิศทางใหญ่
โครงสร้างตลาดเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดทิศทางหลักของราคา ICT สอนให้วิเคราะห์รูปแบบเช่น Higher Highs และ Higher Lows สำหรับแนวโน้มขาขึ้น หรือ Lower Highs และ Lower Lows สำหรับขาลง การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือ Market Structure Shift (MSS) ถือเป็นสัญญาณเตือนถึงการพลิกทิศทาง ซึ่งมักเป็นจุดที่ Smart Money เข้าตำแหน่ง เช่น ในเทรนด์ขาขึ้นที่ยาวนาน หากเกิด Lower High อาจบ่งบอกว่ากำลังจะกลับตัว และนั่นคือเวลาที่เราควรเตรียมตัว
Kill Zones: ช่วงเวลาทองของการเทรด
Kill Zones คือช่วงเวลาพิเศษในแต่ละวันที่มีสภาพคล่องสูงและโอกาสที่ Smart Money จะเคลื่อนไหวชัดเจน ทำให้ราคามีการแกว่งตัวที่คาดเดาได้ ICT ระบุช่วงหลักๆ เช่น London Kill Zone ในช่วงเช้าของยุโรป ซึ่งตลาดเริ่มคึกคัก และ New York Kill Zone ในช่วงบ่ายยุโรปถึงเช้าอเมริกา ที่การเทรดมักรุนแรง การโฟกัสช่วงเหล่านี้ช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จ โดยหลีกเลี่ยงเวลาที่ตลาดนิ่งเฉยและไม่มีทิศทาง
ICT Forex กับการนำไปประยุกต์ใช้จริงในตลาด
การนำ ICT ไปใช้ในตลาด Forex ต้องมากกว่าแค่ทฤษฎี แต่คือการฝึกอ่านสถานการณ์ตลาดและเชื่อมโยงองค์ประกอบต่างๆ เข้าด้วยกัน เทรดเดอร์ควรเริ่มจาก timeframe สูง เช่น Daily หรือ H4 เพื่อหาทิศทางหลักหรือ Bias จากนั้นค่อยซูมลงไปที่ H1 หรือ M15 เพื่อหา Order Block, FVG และจุดสภาพคล่องสำคัญ ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจน
ตัวอย่างง่ายๆ คือการมองหา FVG หรือ Order Block ที่สอดคล้องกับ Bias ของตลาด แล้วรอราคาย่อกลับมาทดสอบ ก่อนยืนยันด้วยสัญญาณใน timeframe เล็ก เช่น MSS ใน M5 หรือ M1 เพื่อเข้าเทรด การวิเคราะห์หลาย timeframe นี้เป็นหัวใจของ ICT ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ โดยเฉพาะในตลาด Forex ที่ผันผวนสูง
ICT vs. SMC vs. Price Action: ความแตกต่างและจุดร่วม
หลายคนมักสับสนระหว่าง ICT, Smart Money Concept (SMC) และ Price Action เพราะมีส่วนที่คล้ายกัน แต่ก็มีจุดต่างที่ชัดเจน ซึ่งเข้าใจแล้วจะช่วยเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม
- Price Action: เป็นพื้นฐานที่เรียบง่าย เน้นดูการเคลื่อนไหวของราคาโดยตรง ไม่ต้องใช้ indicator ใดๆ อาศัยรูปแบบแท่งเทียน แนวรับ-แนวต้าน และแพทเทิร์นราคา เป็นฐานสำหรับกลยุทธ์อื่นๆ มากมาย
- Smart Money Concept (SMC): ขยายจาก Price Action โดยโฟกัสที่การติดตามพฤติกรรมของ Smart Money หรือสถาบันใหญ่ เช่น การกวาดสภาพคล่อง สร้าง Imbalance หรือใช้ Order Block เพื่อเทรดตามทิศทางของพวกเขา
- ICT (Inner Circle Trader): ถือเป็นรูปแบบที่ละเอียดและมีระบบมากขึ้นของ SMC โดย Michael Huddleston กำหนดเครื่องมือเฉพาะ เช่น Kill Zones, Optimal Trade Entry (OTE) และ Liquidity Run ที่ชัดเจนกว่า ทำให้เทรดเดอร์นำไปใช้ได้อย่างเป็นขั้นตอน โดยต่อยอดจากแก่นของ SMC
สรุปคือ SMC เป็นกรอบกว้างๆ ICT คือการนำมาทำให้ละเอียดและใช้งานได้จริง ส่วน Price Action เป็นรากฐานที่ทั้งสองแนวคิดนี้พึ่งพา การผสมผสานทั้งสามจะช่วยให้เทรดเดอร์มีมุมมองที่ครบถ้วน
ข้อดีและข้อเสียของการใช้ ICT ในการเทรด Forex
ข้อดี
- ความเข้าใจตลาดที่ลึกซึ้ง: ICT เปิดมุมมองให้เห็นกลไกซับซ้อนของตลาดและเหตุผลที่ราคาเคลื่อนไหว เกินกว่าการวิเคราะห์เทคนิคพื้นฐาน
- อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ที่ดี: จุดเข้าแม่นยำจาก Order Block หรือ FVG ช่วยตั้ง Stop Loss แคบและ Take Profit กว้าง เพิ่มโอกาสกำไรสุทธิ
- การเทรดที่สอดคล้องกับสถาบัน: โดยตรงตาม Smart Money ซึ่งมักนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเมื่อตลาดขยับใหญ่
- ลดการใช้ตัวชี้วัด: อาศัย Price Action และโครงสร้างตลาด ลดสัญญาณหลอกจาก indicator ซับซ้อน
ข้อเสีย
- เส้นทางการเรียนรู้ที่ชัน (Steep Learning Curve): แนวคิดซับซ้อน ต้องใช้เวลานานกว่าจะชำนาญ ไม่เหมาะกับคนอยากเห็นผลเร็ว
- ต้องการการฝึกฝนและประสบการณ์สูง: การหา Order Block หรือ Kill Zones ที่ถูกต้องต้องดูกราฟบ่อยๆ และสะสมประสบการณ์
- อาจนำไปสู่การวิเคราะห์มากเกินไป (Over-analysis): ความละเอียดอาจทำให้ติดหล่มวิเคราะห์ จนพลาดโอกาสดีๆ
- ต้องใช้ความเข้าใจที่ถูกต้อง: ถ้าตีความผิด อาจขาดทุนหนักได้
คำเตือนและข้อควรระวังสำหรับเทรดเดอร์ไทยที่สนใจ ICT (含 SIBI ICT 澄清)
เทรดเดอร์ไทยที่อยากลอง ICT ควรระวังหลายเรื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
- การบริหารความเสี่ยงและเงินทุน (Risk and Money Management): ICT เป็นเครื่องมือดี แต่ไม่รับประกันกำไรเสมอไป ต้องจัดการความเสี่ยงดีๆ และเทรดเฉพาะเงินที่ยอมเสียได้ โดยไม่เกิน 1-2% ต่อออเดอร์
- อย่าหลงเชื่อคำอวดอ้างเกินจริง: ออนไลน์เต็มไปด้วยคนอ้างเป็น guru ICT สัญญากำไรสูง ควรตรวจสอบรีวิวและข้อมูลก่อนจ่ายเงินคอร์สหรือฟอลโลว์
- การทำความเข้าใจ “SIBI ICT”: SIBI ICT อาจเป็นศัพท์ในบางกลุ่มหรือการตีความที่เบี่ยงเบนจากต้นฉบับของ Michael Huddleston ควรเช็คกับแหล่งหลักเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าเรียนถูกต้องตามชุมชน ICT ระดับโลก
- เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง (Demo Account): ฝึกนานๆ ใน demo ก่อนใช้เงินจริง เพื่อทดสอบและสร้างความคุ้นเคย โดยเฉพาะกับ timeframe ต่างๆ
- การปรับตัวเข้ากับสภาวะตลาด: ตลาดเปลี่ยนแปลงตลอด ไม่มีกลยุทธ์ไหนเวิร์ค 100% ต้องอัพเดทและปรับตัวต่อเนื่อง เช่น ในช่วงข่าวใหญ่ที่สภาพคล่องอาจผิดปกติ
แหล่งเรียนรู้ ICT Forex ที่แนะนำสำหรับคนไทย
การศึกษาผ่านแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่อยากเริ่มต้น
- ช่อง YouTube อย่างเป็นทางการของ Michael Huddleston: แหล่งต้นตอที่ดีที่สุด มีเพลย์ลิสต์ละเอียดครอบคลุมทุกแนวคิด ซึ่งเป็นฐานที่มั่นคงสำหรับผู้เริ่มต้น (The Inner Circle Trader on YouTube)
- เว็บไซต์และฟอรัมการเทรดภาษาอังกฤษ: ชุมชนออนไลน์มากมายที่แลกเปลี่ยนเรื่อง ICT และ SMC ช่วยให้ได้ไอเดียใหม่ๆ จากเทรดเดอร์ทั่วโลก
- กลุ่ม Facebook หรือ Line ของเทรดเดอร์ไทย: มีหลายกลุ่มที่พูดถึง ICT ในภาษาไทย สามารถถาม-ตอบและแชร์ประสบการณ์ได้สะดวก โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่
- เอกสาร ICT Concept PDF ไทย: แม้ไม่มีเวอร์ชันอย่างเป็นทางการจาก Michael แต่ชุมชนไทยบางแห่งสรุปเป็น PDF หรือบทความภาษาไทย ใช้เป็นจุดเริ่ม แต่ต้อง verify กับต้นฉบับเสมอ
- หนังสือและคอร์สเรียนออนไลน์: เลือกจากผู้สอนชื่อดังที่เน้น Price Action, SMC และ ICT หลีกเลี่ยงคอร์สที่สัญญาผลลัพธ์ง่ายๆ เพราะไม่มีทางลัดจริงๆ
จำไว้ว่า การเรียน ICT คือการเดินทางที่ต้องอดทน ฝึกฝนสม่ำเสมอ และพัฒนาตัวเองต่อเนื่อง เพื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเทรดที่ยั่งยืน
สรุป: ICT Forex เครื่องมืออันทรงพลังที่ต้องใช้ด้วยความเข้าใจ
ICT Forex หรือ Inner Circle Trader คือแนวคิดเทรดที่ทรงพลัง ช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นและตามรอย Smart Money ในตลาด ผ่านหลักการหลักอย่าง Liquidity, Order Block, Fair Value Gap, Market Structure และ Kill Zones ซึ่งให้ข้อมูลลึกที่ indicator ทั่วไปทำไม่ได้ แต่การเรียนรู้ต้องใช้เวลา ความทุ่มเท และฝึกฝนอย่างจริงจัง สำหรับเทรดเดอร์ไทย การรู้ข้อดี-ข้อเสีย จัดการความเสี่ยงดีๆ และหลีกเลี่ยงข้อมูลผิดๆ เป็นกุญแจสำคัญ เริ่มจากแหล่งน่าเชื่อถือ ฝึกใน demo และสร้างวินัย เพื่อให้ ICT ยกระดับการเทรด Forex ของคุณได้อย่างแท้จริง
ICT Forex คืออะไร? และใครคือผู้คิดค้นแนวคิดนี้?
ICT Forex ย่อมาจาก Inner Circle Trader Forex เป็นชุดแนวคิดและกลยุทธ์การเทรดที่มุ่งเน้นการวิเคราะห์พฤติกรรมของตลาดจากมุมมองของสถาบันการเงินหรือ “Smart Money” ผู้คิดค้นแนวคิดนี้คือ Michael Huddleston ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “The ICT” หรือ “Michael from ICT” เขาเผยแพร่ความรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น YouTube
ICT กับ SMC ต่างกัน อย่างไร? และควรเลือกเรียนรู้แบบไหนก่อน?
Smart Money Concept (SMC) เป็นแนวคิดที่กว้างกว่าที่เน้นการทำความเข้าใจพฤติกรรมของสถาบัน ในขณะที่ ICT เป็นเวอร์ชันที่มีรายละเอียดและโครงสร้างที่ชัดเจนของ SMC โดย Michael Huddleston ได้ให้คำจำกัดความและเครื่องมือเฉพาะเจาะจงมากขึ้นในการใช้งาน
โดยทั่วไป แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจพื้นฐานของ SMC ก่อน เพื่อให้มีกรอบความคิดที่มั่นคง จากนั้นจึงเจาะลึกไปที่รายละเอียดและเทคนิคเฉพาะของ ICT
แนวคิดหลักของ ICT มีอะไรบ้าง? ช่วยยกตัวอย่างประกอบได้ไหม?
แนวคิดหลักของ ICT ประกอบด้วย:
- Liquidity (สภาพคล่อง): บริเวณที่ราคาอาจเคลื่อนที่ไปเพื่อกวาด Stop Loss
- Order Block (OB): แท่งเทียนที่บ่งชี้ถึงการสะสมคำสั่งของสถาบันก่อนราคาพุ่ง
- Fair Value Gap (FVG): ช่องว่างราคาที่บ่งบอกถึงความไม่สมดุล ซึ่งราคาอาจกลับมาเติมเต็ม
- Market Structure (โครงสร้างตลาด): การวิเคราะห์ Higher Highs/Lowers และ Lower Highs/Lows เพื่อระบุเทรนด์
- Kill Zones: ช่วงเวลาเฉพาะของวันที่มีสภาพคล่องสูงและโอกาสในการเทรด
ตัวอย่าง: หากตลาดอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น (Higher Highs, Higher Lows) และคุณเห็น FVG หรือ Order Block ที่ราคาเคยทิ้งไว้ คุณอาจรอให้ราคาย่อตัวกลับมาทดสอบบริเวณนั้นเพื่อหาจังหวะเข้าซื้อ
ICT Trading เหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่ในไทยหรือไม่? มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
ICT Trading เป็นแนวคิดที่ซับซ้อนและมีเส้นทางการเรียนรู้ที่ชัน อาจไม่เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานการเทรดเลย อย่างไรก็ตาม หากมือใหม่มีความตั้งใจและอดทนที่จะเรียนรู้อย่างจริงจัง ก็สามารถเริ่มต้นได้
ข้อควรระวังสำหรับมือใหม่ในไทย:
- อย่าหลงเชื่อคำอวดอ้างผลตอบแทนเกินจริง
- ต้องใช้เวลาและความพยายามในการทำความเข้าใจและฝึกฝน
- เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลองเสมอ
- ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงเป็นอันดับแรก
SIBI ICT คืออะไร? และมีความเกี่ยวข้องกับ Inner Circle Trader อย่างไร?
คำว่า “SIBI ICT” ไม่ได้เป็นคำที่ Michael Huddleston ใช้โดยตรงในแนวคิด Inner Circle Trader ต้นฉบับ และอาจเป็นคำที่เกิดขึ้นในบางชุมชนหรือเป็นการตีความที่เฉพาะเจาะจง หากคุณพบคำนี้ ควรตรวจสอบแหล่งที่มาและเปรียบเทียบกับแนวคิดหลักของ ICT จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือของ Michael Huddleston เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
หา ICT Concept PDF ไทย หรือแหล่งเรียนรู้ภาษาไทยได้จากที่ไหน?
Michael Huddleston ไม่ได้จัดทำเอกสาร PDF ภาษาไทยอย่างเป็นทางการ แต่คุณสามารถหาแหล่งเรียนรู้ภาษาไทยได้จาก:
- กลุ่ม Facebook หรือ Line สำหรับเทรดเดอร์ไทยที่สนใจ ICT
- ช่อง YouTube ของเทรดเดอร์ไทยที่สอนแนวคิด ICT
- บทความหรือบล็อกที่แปลหรือสรุปแนวคิด ICT เป็นภาษาไทย
ควรเปรียบเทียบข้อมูลกับแหล่งต้นฉบับ (เช่น ช่อง YouTube ของ The Inner Circle Trader) เสมอ เพื่อความถูกต้อง
การใช้ ICT ในการเทรด Forex มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
ข้อดี:
- ช่วยให้เข้าใจกลไกตลาดและพฤติกรรมของสถาบันได้ลึกซึ้ง
- มีโอกาสได้ Risk-Reward Ratio ที่ดี
- ลดการพึ่งพาตัวชี้วัดที่ซับซ้อน
ข้อเสีย:
- เส้นทางการเรียนรู้ที่ชันและซับซ้อน
- ต้องการการฝึกฝนและประสบการณ์สูง
- อาจนำไปสู่การวิเคราะห์มากเกินไป
ควรใช้ Timeframe ใดในการวิเคราะห์ด้วย ICT?
ICT เน้นการวิเคราะห์หลาย Timeframe (Multi-timeframe analysis) โดยเริ่มต้นจาก Timeframe ที่ใหญ่กว่า (เช่น Daily, H4) เพื่อกำหนดทิศทางหลักของตลาด (Bias) จากนั้นจึงลงมาที่ Timeframe ที่เล็กลง (เช่น H1, M15, M5) เพื่อระบุจุดเข้าที่แม่นยำและสัญญาณยืนยัน การผสานรวม Timeframe ช่วยให้คุณมีมุมมองที่ครอบคลุมและตัดสินใจได้ดีขึ้น
ICT สามารถใช้กับตลาดอื่นนอกเหนือจาก Forex ได้หรือไม่?
แนวคิดหลักของ ICT เช่น Liquidity, Order Block, Fair Value Gap และ Market Structure เป็นแนวคิดที่อิงกับพฤติกรรมของราคาและการเคลื่อนไหวของ Smart Money ซึ่งเป็นกลไกพื้นฐานของตลาดการเงิน ดังนั้น ICT จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตลาดอื่นๆ ได้ เช่น ตลาดหุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้แต่คริปโตเคอร์เรนซี อย่างไรก็ตาม อาจต้องมีการปรับแต่งและทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของแต่ละตลาด
การเรียนรู้ ICT ใช้เวลานานแค่ไหน และต้องมีพื้นฐานอะไรบ้าง?
การเรียนรู้ ICT เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและไม่มีจุดสิ้นสุดที่ตายตัว โดยทั่วไปอาจใช้เวลาหลายเดือนถึงหลายปีในการทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พื้นฐานที่แนะนำ:
- ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการเทรด Forex
- ความรู้เกี่ยวกับ Price Action และรูปแบบแท่งเทียน
- ความอดทน วินัย และความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และฝึกฝน