หุ้นเวียดนาม ตัวไหน ดี? โอกาสทองที่นักลงทุนไทยไม่ควรมองข้ามในปี 2568

## บทนำ: ทำไม “หุ้นเวียดนาม” ถึงเป็นโอกาสทองที่นักลงทุนไทยไม่ควรมองข้าม?

แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย แต่เศรษฐกิจเวียดนามกลับเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ทำให้หุ้นเวียดนามกลายเป็นจุดหมายที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะนักลงทุนไทยที่กำลังค้นหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจในปี 2568 และปีถัดๆ ไป เวียดนามได้รับฉายาว่าเป็น “เสือเศรษฐกิจเอเชีย” ด้วยแรงหนุนจากประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมหาศาลที่ขับเคลื่อนทั้งการผลิตและการบริโภค การไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในระดับสูง รวมถึงนโยบายรัฐที่ส่งเสริมการลงทุน ส่งผลให้อุตสาหกรรมและภาคบริการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ภาพประกอบเมืองเวียดนามที่คึกคักพร้อมพระอาทิตย์ขึ้นและนักลงทุนกำลังดูกราฟหุ้น โอกาสทองคำ

นักลงทุนไทยหลายคนอาจกำลังสงสัยว่าหุ้นเวียดนามตัวไหนดี และควรลงทุนหุ้นเวียดนามอย่างไรให้เหมาะกับสถานการณ์ของตัวเอง บทความนี้จะวิเคราะห์ศักยภาพของตลาดหุ้นเวียดนามอย่างละเอียด แนะนำทั้งทางเลือกการลงทุนผ่านกองทุนหุ้นเวียดนามและการเลือกหุ้นเวียดนามรายตัวที่น่าสนใจ พร้อมข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนไทยจำเป็นต้องทราบ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบคอบและมั่นใจมากขึ้น

## เจาะลึกตลาดหุ้นเวียดนาม: ศักยภาพ โอกาส และความท้าทาย

ตลาดหุ้นเวียดนามไม่ได้เป็นเพียงตลาดเกิดใหม่ธรรมดา แต่เป็นตลาดที่เต็มไปด้วยพลังและโอกาสเติบโตที่โดดเด่น บทบาทของเวียดนามในฐานะฐานการผลิตหลักของโลกช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างก้าวกระโดด ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อตลาดทุน ทำให้หุ้นเวียดนามกลายเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามอง

ภาพประกอบฐานการผลิตเวียดนามที่พลวัตพร้อมโรงงานและตลาดผู้บริโภคที่เติบโต ดัชนีหุ้นที่พุ่งขึ้น

### โอกาสจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต

เวียดนามกำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสำคัญของการผลิตและการส่งออกทั่วโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และสิ่งทอ การย้ายฐานการผลิตจากประเทศอื่นๆ มาที่เวียดนามไม่เพียงกระตุ้นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ แต่ยังสร้างงานและเพิ่มรายได้ให้ประชาชนจำนวนมาก นอกจากนี้ การบริโภคภายในประเทศก็พุ่งสูงขึ้นตามการขยายตัวของชนชั้นกลางและรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้ธุรกิจต่างๆ เติบโต ดัชนี VN-Index ซึ่งเป็นดัชนีหลักของตลาดหุ้นเวียดนาม แสดงให้เห็นผลตอบแทนที่น่าประทับใจในระยะยาว แม้จะมีความผันผวนในบางช่วง แต่ทิศทางโดยรวมยังคงชี้ขึ้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลก

ตามรายงานของธนาคารโลก (World Bank) เศรษฐกิจเวียดนามคาดว่าจะเติบโตราว 5.5% ในปี 2567 และ 6.0% ในปี 2568 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งภูมิภาคและโลก (World Bank – Vietnam Overview) ข้อมูลนี้ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและโอกาสลงทุนที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการกระจายพอร์ตไปยังตลาดเกิดใหม่

### ความท้าทายและปัจจัยที่ต้องพิจารณา

ถึงแม้จะมีโอกาสมากมาย แต่การลงทุนหุ้นเวียดนามก็มาพร้อมความท้าทายและความเสี่ยงที่ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ประการแรกคือความผันผวนของตลาดที่อาจรุนแรงกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากเป็นตลาดเกิดใหม่ซึ่งไวต่อปัจจัยภายนอก เช่น การปรับนโยบายการเงินระดับโลกหรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ประการที่สองคือสภาพคล่องของตลาดหุ้นเวียดนามที่ยังไม่เทียบเท่าตลาดใหญ่ ทำให้การซื้อขายหุ้นบางตัวอาจล่าช้าหรือราคาเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ประการสุดท้ายคือความเสี่ยงจากกฎระเบียบและความโปร่งใสของข้อมูลบริษัทที่อาจยังไม่ถึงมาตรฐานสากล ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน กระจายความเสี่ยงให้เหมาะสม และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

## เลือกเส้นทางลงทุน: กองทุนรวมหุ้นเวียดนาม VS หุ้นรายตัวโดยตรง

นักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนหุ้นเวียดนามมีทางเลือกหลักสองทาง คือ การลงทุนผ่านกองทุนหุ้นเวียดนามหรือการซื้อหุ้นเวียดนามรายตัวโดยตรง แต่ละทางมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และเป้าหมายของคุณ

ภาพประกอบสองเส้นทางการลงทุน หนึ่งคือกองทุนรวมที่กระจายความเสี่ยง อีกหนึ่งคือหุ้นรายตัวสำหรับนักลงทุน

### ลงทุนผ่าน “กองทุนหุ้นเวียดนาม”: ทางเลือกยอดนิยมสำหรับคนไทย

การลงทุนผ่านกองทุนหุ้นเวียดนามเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักลงทุนไทย โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดอย่างละเอียดหรือไม่อยากรับความเสี่ยงสูงจากการเลือกหุ้นเอง กองทุนเหล่านี้มีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้สะดวกและปลอดภัยกว่า เช่น การกระจายความเสี่ยงโดยลงทุนในหุ้นหลายบริษัทและหลายอุตสาหกรรมเพื่อไม่ให้ความเสี่ยงรวมศูนย์ที่ตัวเดียว การมีผู้จัดการกองทุนผู้เชี่ยวชาญคอยคัดเลือกและบริหารพอร์ตแทนคุณ และความสะดวกในการซื้อขายผ่านบริษัทจัดการกองทุนไทย (บลจ.) ด้วยเงินบาทโดยตรง

ในปัจจุบัน มีกองทุนหุ้นเวียดนามจากบลจ.ไทยหลายแห่งที่โดดเด่น เช่น:

| กองทุน | บลจ. (Asset Management Co.) | นโยบายการลงทุนโดยสังเขป | ผลตอบแทนย้อนหลัง (ตัวเลขสมมติเพื่อประกอบ) |
| :—————- | :———————————- | :———————————————————————————————— | :—————————————- |
| K-VIETNAM | Kasikorn Asset Management | เน้นลงทุนในหุ้นเวียดนามที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ทั้งในตลาดหลักและตลาดรอง | 1 ปี: +15% / 3 ปี: +30% |
| B-VIETNAM | Bualuang Asset Management | ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางของเวียดนามที่มีปัจจัยพื้นฐานดี | 1 ปี: +12% / 3 ปี: +28% |
| TMB-VIETNAM (หรือกองทุนที่สืบทอด) | Thanachart Fund Management (ภายใต้ TTB) | มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่มีนวัตกรรมและได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม | 1 ปี: +14% / 3 ปี: +25% |

*หมายเหตุ: ผลตอบแทนย้อนหลังเป็นเพียงตัวอย่างสมมติเพื่อประกอบการอธิบาย ไม่ใช่ข้อมูลจริง และไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันผลตอบแทนในอนาคต นักลงทุนควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งที่เชื่อถือได้ของแต่ละบลจ.ไทย เช่น เว็บไซต์ของ Kasikorn Asset Management สำหรับ K-VIETNAM.*

### ลงทุน “หุ้นเวียดนามรายตัว” โดยตรง: สำหรับนักลงทุนที่ต้องการควบคุม

หากคุณเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์ มีเวลาวิเคราะห์ข้อมูล และยอมรับความเสี่ยงเพื่อแลกกับผลตอบแทนที่สูงกว่า การซื้อหุ้นเวียดนามรายตัวโดยตรงอาจเหมาะสมกว่า ทางเลือกนี้ช่วยให้คุณเลือกหุ้นตามกลยุทธ์ส่วนตัวและอาจได้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าหากวิเคราะห์ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม มันซับซ้อนกว่ามาก เนื่องจากต้องเปิดบัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศหรือโบรกเกอร์ไทยบางแห่งที่ให้บริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ และต้องทำความเข้าใจระบบการซื้อขาย เช่น การซื้อหุ้นเวียดนามแบบสตรีมมิงที่อาจแตกต่างจากตลาดไทย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย – การลงทุนในต่างประเทศ)

## เปิดพิกัด 5 “หุ้นเวียดนาม” รายตัวเด่นน่าจับตาสำหรับนักลงทุนไทย ปี 2568

เพื่อตอบคำถามยอดฮิตอย่างหุ้นเวียดนามตัวไหนดี ในแง่ของหุ้นเวียดนามรายตัว เราได้คัดสรร 5 บริษัทชั้นนำที่มีศักยภาพการเติบโตโดดเด่นและเป็นที่รู้จักในตลาดเวียดนาม ซึ่งนักลงทุนไทยควรติดตามในปี 2568 บริษัทเหล่านี้ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม สะท้อนถึงจุดแข็งของเศรษฐกิจเวียดนาม

### 1. FPT Corporation (FPT): ผู้นำเทคโนโลยีและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน

* **ตัวย่อหุ้น:** FPT
* **บริษัท:** FPT Corporation
* **ธุรกิจหลัก:** ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Services), โทรคมนาคม (Telecommunications), และการศึกษา (Education)
* **จุดเด่นการลงทุน:** FPT ขึ้นแท่นผู้นำด้านเทคโนโลยีและการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลในเวียดนาม ด้วยการเติบโตต่อเนื่องจากบริการไอทีเอาท์ซอร์สให้ลูกค้าต่างชาติ การขยายเครือข่ายโทรคมนาคม และการลงทุนในเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง AI กับคลาวด์คอมพิวติ้ง บริษัทมีแผนขยายสู่ตลาดโลกและมอบผลตอบแทนที่น่าดึงดูด โดยเฉพาะในยุคที่ดิจิทัลกลายเป็นหัวใจเศรษฐกิจ
* **ความเสี่ยง:** การแข่งขันดุเดือดในวงการเทคโนโลยี การพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลัก
* **เหตุผลแนะนำ:** แทนตัวทาการเติบโตของภาคเทคโนโลยีในเวียดนาม ที่มีศักยภาพสูงและฐานลูกค้าหลากหลาย ช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าถึงโอกาสจากเทรนด์โลกได้ง่ายขึ้น

### 2. Vinamilk (VNM): ยักษ์ใหญ่อาหารและเครื่องดื่ม ตอบรับกำลังซื้อคนเวียดนาม

* **ตัวย่อหุ้น:** VNM
* **บริษัท:** Vietnam Dairy Products Joint Stock Company (Vinamilk)
* **ธุรกิจหลัก:** ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมและเครื่องดื่มเวียดนาม
* **จุดเด่นการลงทุน:** Vinamilk คือผู้ผลิตนมรายใหญ่สุดในเวียดนามและเป็นแบรนด์สินค้าอุปโภคที่แข็งแกร่ง ได้รับผลดีโดยตรงจากประชากรวัยหนุ่มสาวและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ด้วยชนชั้นกลางที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ความต้องการผลิตภัณฑ์นมคุณภาพจึงพุ่งสูง Vinamilk มีความมั่นคงและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ทำให้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความสมดุล
* **ความเสี่ยง:** ความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร การแข่งขันจากแบรนด์ต่างชาติ
* **เหตุผลแนะนำ:** เป็นหุ้นแนวป้องกัน (Defensive Stock) ที่ได้ประโยชน์จากเทรนด์การบริโภคในเวียดนาม และมีประวัติจ่ายเงินปันผลที่น่าเชื่อถือ

### 3. Vietcombank (VCB): ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ สะท้อนการเติบโตของภาคการเงิน

* **ตัวย่อหุ้น:** VCB
* **บริษัท:** Joint Stock Commercial Bank for Foreign Trade of Vietnam (Vietcombank)
* **ธุรกิจหลัก:** บริการธนาคารพาณิชย์ครบวงจร
* **จุดเด่นการลงทุน:** Vietcombank คือธนาคารชั้นนำขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงในเวียดนาม ภาคการเงินที่นี่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว VCB ได้รับผลบวกจากการขยายสินเชื่อและการลงทุนในประเทศ รวมถึงบทบาทสำคัญในธุรกรรมข้ามชาติ ด้วยคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและศักยภาพเติบโตตามเศรษฐกิจเวียดนาม ทำให้เป็นตัวเลือกที่มั่นใจได้
* **ความเสี่ยง:** ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงคุณภาพสินเชื่อหากเศรษฐกิจชะลอ
* **เหตุผลแนะนำ:** สะท้อนความแข็งแกร่งของภาคการเงินและได้ประโยชน์ตรงๆ จากการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม เหมาะสำหรับพอร์ตที่ต้องการความมั่นคง

### 4. Mobile World Investment Corporation (MWG): ค้าปลีกเทคโนโลยีและสินค้าอุปโภคบริโภคครบวงจร

* **ตัวย่อหุ้น:** MWG
* **บริษัท:** Mobile World Investment Corporation
* **ธุรกิจหลัก:** ค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, และสินค้าอุปโภคบริโภค (ผ่านร้าน Bach Hoa Xanh)
* **จุดเด่นการลงทุน:** MWG เป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่สุดในเวียดนามสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และกำลังขยายสู่ค้าปลีกสินค้าจำเป็น (Grocery) อย่างก้าวหน้า การขยายตัวของเมืองและกำลังซื้อที่สูงขึ้นเป็นตัวหนุนหลัก ธุรกิจครอบคลุมความต้องการประจำวันของชาวเวียดนาม ทำให้เติบโตได้ต่อเนื่อง
* **ความเสี่ยง:** การแข่งขันเข้มข้นในค้าปลีก ความผันผวนของอุปสงค์ผู้บริโภค
* **เหตุผลแนะนำ:** ได้ประโยชน์จากบริโภคภายในที่แข็งแกร่งและการเติบโตของค้าปลีกสมัยใหม่ ช่วยให้นักลงทุนไทยจับกระแสไลฟ์สไตล์เวียดนามได้ดี

### 5. Masan Group (MSN): อาณาจักรสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลาย ครอบคลุมชีวิตประจำวัน

* **ตัวย่อหุ้น:** MSN
* **บริษัท:** Masan Group Corporation
* **ธุรกิจหลัก:** สินค้าอุปโภคบริโภค (อาหารและเครื่องดื่ม), ค้าปลีก, การเกษตร, วัสดุอุตสาหกรรม
* **จุดเด่นการลงทุน:** Masan Group คือกลุ่มบริษัทเวียดนามที่มีธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่สินค้าอุปโภค อาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงค้าปลีกสมัยใหม่ แบรนด์ของ Masan แข็งแกร่งและเป็นที่นิยมในเวียดนาม การลงทุนครอบคลุมห่วงโซ่ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างอำนาจต่อรองและศักยภาพเติบโตจากบริโภคภายในที่ขยายตัว
* **ความเสี่ยง:** โครงสร้างธุรกิจซับซ้อน ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
* **เหตุผลแนะนำ:** สะท้อนการเติบโตของภาคบริโภคภายในที่หลากหลาย ด้วยแบรนด์ที่เหนียวแน่น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบความหลากหลาย

ตารางสรุปหุ้นเวียดนามรายตัวที่น่าจับตา:

| ตัวย่อหุ้น | ชื่อบริษัท | อุตสาหกรรมหลัก | จุดเด่น | ความเสี่ยง |
| :——– | :—————— | :——————- | :———————————————— | :———————————- |
| FPT | FPT Corporation | เทคโนโลยี, โทรคมนาคม | ผู้นำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน, ตลาดโลก | แข่งขันสูง, พึ่งพิงส่งออก |
| VNM | Vinamilk | อาหารและเครื่องดื่ม | ยักษ์ใหญ่นม, กำลังซื้อภายใน | ราคาวัตถุดิบ, แข่งขัน |
| VCB | Vietcombank | การเงิน | ธนาคารชั้นนำ, เติบโตตามเศรษฐกิจ | ดอกเบี้ยผันผวน, คุณภาพสินเชื่อ |
| MWG | Mobile World | ค้าปลีก | ผู้นำค้าปลีก, การบริโภคแข็งแกร่ง | แข่งขันรุนแรง, อุปสงค์ผู้บริโภค |
| MSN | Masan Group | สินค้าอุปโภคบริโภค | หลากหลายธุรกิจ, แบรนด์แข็งแกร่ง | โครงสร้างซับซ้อน, ราคาวัตถุดิบ |

## ภาษีกับการลงทุนหุ้นเวียดนามสำหรับนักลงทุนไทย: สิ่งที่ต้องรู้

อีกประเด็นสำคัญที่นักลงทุนไทยไม่ควรละเลยเมื่อลงทุนหุ้นเวียดนามโดยตรงคือเรื่องภาษีกับการลงทุนหุ้นเวียดนามสำหรับคนไทย กฎหมายภาษีไทยครอบคลุมการลงทุนต่างประเทศ ดังนั้น การวางแผนภาษีให้ดีจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาในภายหลัง

โดยหลักแล้ว กำไรจากการขายหุ้น (Capital Gains) จากต่างประเทศ หากนำเงินกลับเข้าประเทศไทยในปีภาษีเดียวกับที่เกิดกำไร จะต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า เช่นเดียวกับเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นต่างประเทศ หากนำกลับมาก็ต้องรวมในภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บางประเทศอย่างเวียดนามอาจหักภาษีเงินปันผล ณ ที่จ่ายก่อนโอนเงิน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาภาษีซ้อน ระหว่างเวียดนามและไทยมีอนุสัญญาเพื่อป้องกันการเก็บภาษีซ้อน ซึ่งช่วยลดภาระได้ แต่รายละเอียดซับซ้อนและอาจเปลี่ยนแปลงตามกฎหมายใหม่ นักลงทุนควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากรหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อให้แน่ใจว่าปฏิบัติถูกต้อง

สำหรับการลงทุนผ่านกองทุนหุ้นเวียดนามที่จดทะเบียนในไทย บลจ.ไทยมักจัดการภาษีต่างประเทศให้ในระดับกองทุน และผลตอบแทนที่คุณได้รับ เช่น กำไรจากการขายหน่วยลงทุน จะอยู่ภายใต้กฎหมายภาษีไทย ซึ่งบางกรณีอาจได้รับการยกเว้นตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร ทำให้สะดวกกว่าในการวางแผนภาษี

## สรุป: กลยุทธ์ลงทุนหุ้นเวียดนามอย่างชาญฉลาด

เวียดนามคือตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง น่าจับตามองสำหรับนักลงทุนไทยที่อยากกระจายพอร์ตสู่ตลาดเกิดใหม่ที่กำลังรุ่ง การเลือกหุ้นเวียดนามตัวไหนดีขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ ไม่ว่าจะเลือกทางไหน การศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบคือกุญแจสำคัญ

ทั้งการลงทุนผ่านกองทุนหุ้นเวียดนามที่สะดวกและกระจายความเสี่ยงได้ดี หรือการซื้อหุ้นเวียดนามรายตัวเพื่อผลตอบแทนที่สูงกว่า คุณควรพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แนวโน้มอุตสาหกรรม และภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนาม นอกจากนี้ การเข้าใจภาษีกับการลงทุนหุ้นเวียดนามสำหรับคนไทยยังช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพและถูกกฎหมาย การกระจายความเสี่ยงไม่ทุ่มกับหุ้นตัวเดียวมากเกินไป และรักษาวินัยในการลงทุน จะช่วยให้คุณคว้าโอกาสจากศักยภาพของตลาดหุ้นเวียดนามได้อย่างชาญฉลาด

Table of Contents

หุ้นเวียดนาม ตัวไหนดีที่สุดสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในปี 2568 (หรือปีปัจจุบัน)?

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ในปี 2568 การลงทุนผ่าน กองทุนหุ้นเวียดนาม ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ เพราะมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพช่วยคัดเลือกและบริหารจัดการพอร์ตให้ มีการกระจายความเสี่ยงในหุ้นหลายตัว ทำให้ความเสี่ยงลดลงเมื่อเทียบกับการเลือกซื้อหุ้นรายตัวด้วยตนเอง

หากต้องการลงทุนในหุ้นรายตัว อาจพิจารณาหุ้นของบริษัทใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและเป็นที่รู้จัก เช่น Vinamilk (VNM) ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความมั่นคงสูง หรือ Vietcombank (VCB) ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของประเทศ ที่เติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจเวียดนาม

นักลงทุนไทยสามารถซื้อหุ้นเวียดนามรายตัวโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มไหนได้บ้าง?

นักลงทุนไทยสามารถซื้อหุ้นเวียดนามรายตัวโดยตรงได้ผ่าน 2 ช่องทางหลัก:

  • โบรกเกอร์ไทยที่มีบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ: เช่น บล.ฟินันเซีย ไซรัส (Finansia Syrus), บล.หยวนต้า (Yuanta) เป็นต้น ซึ่งอาจต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยเฉพาะ
  • โบรกเกอร์ต่างประเทศ: แพลตฟอร์มออนไลน์ระดับโลก เช่น Interactive Brokers, Saxo Bank ที่ให้บริการซื้อขายหุ้นในตลาดต่าง ๆ รวมถึงตลาดเวียดนาม

ควรศึกษาค่าธรรมเนียม, ความสะดวกในการทำธุรกรรม, และกฎระเบียบของแต่ละแพลตฟอร์มก่อนตัดสินใจครับ

กองทุนหุ้นเวียดนามที่แนะนำมีกองทุนไหนบ้าง และมีผลตอบแทนย้อนหลังเป็นอย่างไร?

กองทุนหุ้นเวียดนามยอดนิยมในตลาดไทย ได้แก่:

  • K-VIETNAM ของ บลจ.กสิกรไทย
  • B-VIETNAM ของ บลจ.บัวหลวง
  • TMB-VIETNAM (หรือกองทุนที่สืบทอดภายใต้ TTB) ของ บลจ.ธนชาต

ผลตอบแทนย้อนหลัง ของแต่ละกองทุนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ นักลงทุนควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ของแต่ละบลจ. หรือจากแหล่งข้อมูลกองทุนรวมที่น่าเชื่อถือ เช่น Morningstar Thailand ก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อดูผลงานและนโยบายการลงทุนที่อัปเดตที่สุด

การลงทุนในหุ้นเวียดนามมีความเสี่ยงอะไรบ้างที่คนไทยต้องทำความเข้าใจ?

ความเสี่ยงหลัก ๆ ที่นักลงทุนไทยควรทราบ ได้แก่:

  • ความผันผวนของตลาด: ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตลาดเกิดใหม่ ทำให้ราคาหุ้นมีความผันผวนสูงกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว
  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: หุ้นบางตัวอาจมีสภาพคล่องในการซื้อขายน้อย ทำให้การซื้อขายทำได้ยากหรือมีผลต่อราคา
  • ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและนโยบาย: การเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือนโยบายของรัฐบาลเวียดนามอาจส่งผลกระทบต่อตลาด
  • ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน: หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดองเวียดนาม อาจทำให้ผลตอบแทนในสกุลเงินบาทลดลง
  • ความเสี่ยงด้านข้อมูลและความโปร่งใส: ข้อมูลบริษัทอาจไม่เท่าเทียมกับมาตรฐานสากล

กำไรจากการลงทุนหุ้นเวียดนาม เช่น เงินปันผลและส่วนต่างราคา ต้องเสียภาษีในประเทศไทยอย่างไร?

สำหรับนักลงทุนไทย:

  • กำไรจากการขายหุ้น (Capital Gains): หากนำเงินได้จากกำไรส่วนต่างราคาหุ้นที่เกิดขึ้นในต่างประเทศกลับเข้ามาในประเทศไทยภายในปีภาษีเดียวกัน จะต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า
  • เงินปันผล (Dividends): เงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นเวียดนาม หากนำกลับเข้ามาในประเทศไทย ก็จะต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม อาจมีประเด็นเรื่องภาษีหัก ณ ที่จ่ายในเวียดนาม และอนุสัญญาภาษีซ้อนระหว่างสองประเทศ ซึ่งอาจช่วยลดภาระภาษีได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อวางแผนและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องครับ

ควรลงทุนในหุ้นเวียดนามเป็นระยะสั้นหรือระยะยาวดีกว่ากัน และมีกลยุทธ์อย่างไร?

การลงทุนในหุ้นเวียดนาม โดยทั่วไปแล้วเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวมากกว่า เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในระยะยาวจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การลงทุนระยะสั้นอาจต้องเผชิญกับความผันผวนของตลาดที่สูงกว่า

กลยุทธ์ที่แนะนำ:

  • ลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (DCA – Dollar-Cost Averaging): ทยอยลงทุนเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา
  • กระจายความเสี่ยง: ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือการเลือกหุ้นรายตัวในหลายอุตสาหกรรม
  • ศึกษาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ: ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ นโยบาย และผลประกอบการของบริษัทที่ลงทุน

มีแหล่งข้อมูลหรือเครื่องมือวิเคราะห์หุ้นเวียดนามภาษาไทยที่น่าเชื่อถือแนะนำไหม?

ปัจจุบันแหล่งข้อมูลภาษาไทยสำหรับการวิเคราะห์หุ้นเวียดนามโดยเฉพาะอาจยังมีจำกัด แต่สามารถหาข้อมูลได้จาก:

  • เว็บไซต์บลจ.ไทย: ที่มีกองทุนหุ้นเวียดนาม มักจะมีบทวิเคราะห์หรือมุมมองตลาดเป็นภาษาไทย
  • ข่าวสารการเงินไทย: เช่น ประชาชาติธุรกิจ, กรุงเทพธุรกิจ, Money & Banking ที่มักจะมีบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการลงทุนในเวียดนาม
  • บทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ไทย: บางแห่งที่ให้บริการลงทุนต่างประเทศ อาจมีบทวิเคราะห์เป็นภาษาไทย

สำหรับข้อมูลเชิงลึก อาจต้องอาศัยแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษจากสำนักข่าวต่างประเทศ หรือบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำที่ครอบคลุมตลาดเวียดนามครับ

ตลาดหุ้นเวียดนามเปิด-ปิดทำการกี่โมงตามเวลาประเทศไทย และมีช่วงพักตลาดหรือไม่?

ตลาดหุ้นเวียดนาม (เช่น HOSE – Ho Chi Minh Stock Exchange) มีเวลาทำการหลักดังนี้ (เวลาประเทศไทย):

  • ช่วงเช้า: ประมาณ 09:00 น. – 11:30 น.
  • ช่วงบ่าย: ประมาณ 13:00 น. – 14:30 น.

ตลาดเวียดนามมีช่วงพักกลางวันประมาณ 11:30 น. – 13:00 น. ตามเวลาประเทศไทยครับ ควรตรวจสอบเวลาที่แน่นอนกับโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มที่คุณใช้ เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละช่วงเวลา

การลงทุนในหุ้นเวียดนามจำเป็นต้องใช้สกุลเงินดอง (VND) หรือไม่ และมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนอย่างไร?

การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เวียดนามจะใช้ สกุลเงินดอง (VND) เป็นหลักครับ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องแลกเงินบาทเป็นเงินดองก่อนทำการซื้อขาย

ผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนมีดังนี้:

  • ผลตอบแทนจากหุ้น: หากหุ้นมีกำไร แต่เงินดองอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาท กำไรในสกุลเงินบาทของคุณอาจลดลง
  • ขาดทุนจากหุ้น: หากหุ้นขาดทุน และเงินดองอ่อนค่าลงอีก การขาดทุนในสกุลเงินบาทของคุณก็จะเพิ่มขึ้น

ดังนั้น ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการลงทุนหุ้นเวียดนาม นอกจากผลประกอบการของบริษัทแล้ว การเคลื่อนไหวของค่าเงินก็มีผลต่อผลตอบแทนโดยรวมของคุณด้วย

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *