สรุปภาพรวม Infinox: ตารางเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย
หากคุณกำลังพิจารณาเลือกโบรกเกอร์เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการเทรด ความเข้าใจอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับจุดแข็งและจุดที่ควรพิจารณาของแต่ละแพลตฟอร์มถือเป็นก้าวสำคัญ Infinox หนึ่งในโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงในตลาดเอเชียและยุโรป ก็เป็นตัวเลือกที่เทรดเดอร์หลายคนให้ความสนใจ บทความนี้ได้รวบรวมข้อดีและข้อควรระวังของ Infinox ไว้ในรูปแบบตาราง เพื่อช่วยให้ผู้เริ่มต้นและผู้มีประสบการณ์สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลรองรับ
ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) |
---|---|
✅ ความน่าเชื่อถือสูง: ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำระดับโลกอย่าง FCA (สหราชอาณาจักร) และ SCB (บาฮามาส) | ❌ Live Chat ไม่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง: ช่วงเวลาให้บริการมีข้อจำกัด อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่เทรดในช่วงดึกหรือต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน |
✅ สเปรดต่ำในบัญชี ECN: รองรับกลยุทธ์การเทรดความถี่สูง เช่น Scalping ด้วยสเปรดเริ่มต้นจาก 0.0 pips | ❌ โปรโมชั่นอาจมีเงื่อนไขซับซ้อน: ข้อเสนอพิเศษบางรายการอาจมาพร้อมข้อกำหนดเฉพาะที่ต้องศึกษาอย่างละเอียด |
✅ แพลตฟอร์มหลักที่ทันสมัย: รองรับทั้ง MT4 และ MT5 ซึ่งเป็นสองแพลตฟอร์มที่นักเทรดส่วนใหญ่เลือกใช้ | ❌ ตัวเลือกบัญชีจำกัด: มีเพียงบัญชี STP และ ECN เท่านั้น อาจไม่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การเทรด |
✅ รองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย: รองรับช่องทาง Thai QR และ Internet Banking ทำให้การทำธุรกรรมสะดวก รวดเร็ว | ❌ ไม่มีเบอร์ติดต่อในประเทศไทย: การติดต่อหลักยังผ่านทางออนไลน์ แม้จะมีทีมภาษาไทย |
✅ ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการฝาก-ถอน: ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากโบรกเกอร์ (ยกเว้นค่าธรรมเนียมของธนาคารต้นทาง) | ❌ เนื้อหาการเรียนรู้ยังไม่ครอบคลุม: ศูนย์ความรู้สำหรับมือใหม่ยังมีจำกัดเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์รายใหญ่บางแห่ง |

Infinox คือใคร? มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน?
Infinox เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร จุดแข็งที่ทำให้แบรนด์นี้ยังคงอยู่ในสายตาของเทรดเดอร์ทั่วโลกคือ “ความโปร่งใส” และ “ความน่าเชื่อถือ” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกแพลตฟอร์มสำหรับลงทุน
สิ่งที่ยืนยันความปลอดภัยของ Infinox คือการอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ได้แก่
- Financial Conduct Authority (FCA): องค์กรกำกับดูแลการเงินของสหราชอาณาจักรที่รู้จักกันดีในเรื่องมาตรฐานสูงและการคุ้มครองนักลงทุนอย่างเข้มงวด Infinox ถือใบอนุญาตภายใต้ FCA (หมายเลข 501057) ซึ่งเป็นเครื่องการันตีว่าบริษัทดำเนินงานตามข้อกำหนดที่เข้มงวด เช่น การจัดเก็บเงินลูกค้าในบัญชีแยก (Segregated Accounts) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
- Securities Commission of The Bahamas (SCB): สำหรับลูกค้าจากภูมิภาคอื่น เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงผู้ใช้ชาวไทย Infinox จะอยู่ภายใต้การดูแลของ SCB ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะสำหรับบริษัทที่ให้บริการในระดับนานาชาติ
การมีใบอนุญาตจากทั้งสองหน่วยงานไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือ แต่ยังแสดงให้เห็นว่า Infinox มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดและภาระหน้าที่ต่อนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทบัญชีของ Infinox: แบบไหนที่เหมาะกับคุณ?
Infinox เสนอตัวเลือกบัญชีเทรดที่เรียบง่ายแต่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้หลักสองกลุ่ม ได้แก่ ผู้เริ่มต้นและผู้มีประสบการณ์ โดยมีเพียงสองประเภทหลัก คือ STP และ ECN การเลือกบัญชีที่เหมาะสมจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดได้อย่างชัดเจน
H3: บัญชี STP (Straight Through Processing)
บัญชี STP เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือใครที่ยังไม่ต้องการซับซ้อนในการคำนวณค่าใช้จ่าย เพราะค่าคอมมิชชั่นจะถูกรวมอยู่ในสเปรดทั้งหมด ทำให้การประเมินต้นทุนต่อครั้งทำได้ง่าย แม้สเปรดจะกว้างกว่าบัญชี ECN แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้
- เหมาะกับ: ผู้เริ่มต้น, ผู้ที่เทรดไม่บ่อย, หรือผู้ที่ต้องการความง่ายในการใช้งาน
- ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มี (รวมอยู่ในสเปรด)
- สเปรด: เริ่มต้นที่ประมาณ 1.2 pips
- เงินฝากขั้นต่ำ: เพียง $1
H3: บัญชี ECN (Electronic Communication Network)
สำหรับเทรดเดอร์ที่เน้นความเร็วและต้นทุนต่ำ บัญชี ECN คือคำตอบ ด้วยการเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ให้สภาพคล่อง (Liquidity Providers) ผู้ใช้จะได้รับสเปรดเริ่มต้นตั้งแต่ 0.0 pips และมีความโปร่งใสในราคาอย่างสูง แม้จะต้องเสียค่าคอมมิชชั่นต่อการเทรด แต่โดยรวมแล้วต้นทุนยังคงต่ำกว่า โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เทรดบ่อย
- เหมาะกับ: นักเทรดมืออาชีพ, Scalpers, ผู้ใช้ระบบอัตโนมัติ (Expert Advisors)
- ค่าคอมมิชชั่น: ประมาณ $6 ต่อ 1 lot แบบ round turn
- สเปรด: เริ่มต้นที่ 0.0 pips
- เงินฝากขั้นต่ำ: $1 เช่นกัน
นอกจากนี้ หากคุณกำลังมองหาโบรกเกอร์ที่มีความหลากหลายของบัญชีมากกว่า Infinox อย่าง Moneta Markets ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเสนอทั้งบัญชี Standard, Pro, และ Zero พร้อมสเปรดที่แข่งขันได้และรองรับนักลงทุนทุกระดับ ซึ่งอาจเหมาะกับผู้ที่ต้องการตัวเลือกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
แพลตฟอร์มการเทรด: MT4, MT5 และเครื่องมืออื่นๆ
Infinox ให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอุตสาหกรรม ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครื่องมือวิเคราะห์ ระบบอัตโนมัติ และฟังก์ชันการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพได้ทันทีโดยไม่ต้องเรียนรู้ระบบใหม่ทั้งหมด
- MetaTrader 4 (MT4): แพลตฟอร์มที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในโลก มีความเสถียร ใช้งานง่าย และเต็มไปด้วยอินดิเคเตอร์และ Expert Advisors ที่สามารถดาวน์โหลดหรือพัฒนาได้เอง เหมาะทั้งมือใหม่และมือเก่า
- MetaTrader 5 (MT5): พัฒนาต่อยอดจาก MT4 โดยเพิ่ม Timeframe ใหม่ ระบบการสั่งซื้อที่ยืดหยุ่นกว่า และรองรับการเทรดสินทรัพย์ได้หลากหลายขึ้น เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนี พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง
- IX Social: แพลตฟอร์ม Social Trading ของ Infinox ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตาม คัดลอกกลยุทธ์ และเรียนรู้จากเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้แบบเรียลไทม์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการแนวทาง
ค่าธรรมเนียม สเปรด และค่าคอมมิชชั่น
ค่าใช้จ่ายในการเทรดคือหัวใจสำคัญที่ส่งผลต่อผลตอบแทนในระยะยาว Infinox มีโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่โปร่งใส โดยเฉพาะในบัญชี ECN ที่ถือว่าเป็นจุดขายหลัก
ด้านล่างนี้คือสเปรดเฉลี่ยของคู่สกุลเงินและทองคำในบัญชีทั้งสองประเภท (ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาด):
ตราสาร | สเปรดบัญชี STP (เฉลี่ย) | สเปรดบัญชี ECN (เฉลี่ย) |
---|---|---|
EUR/USD | 1.3 pips | 0.2 pips |
GBP/USD | 1.5 pips | 0.4 pips |
USD/JPY | 1.4 pips | 0.3 pips |
XAU/USD (ทองคำ) | 25 cents | 12 cents |
บัญชี ECN จะมีค่าคอมมิชชั่นประมาณ $6 ต่อ 1 lot (round turn) ซึ่งเมื่อรวมกับสเปรดที่ต่ำมากแล้ว ทำให้ต้นทุนรวมต่อครั้งต่ำกว่าบัญชี STP อย่างชัดเจน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เทรดบ่อย อย่างไรก็ตาม ทุกบัญชียังมีค่า Swap หรือค่าธรรมเนียมการถือสถานะข้ามคืน ซึ่งคำนวณตามอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่เทรด
การฝากและถอนเงิน (Deposit & Withdrawal) สะดวกและรวดเร็วแค่ไหน?
สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย ความรวดเร็วและสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความพึงพอใจ Infinox ได้ปรับปรุงระบบการเงินให้รองรับความต้องการเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ในประเทศไทยอย่างแท้จริง
- การฝากเงิน: ผู้ใช้สามารถฝากเงินผ่าน Thai QR Payment หรือ Internet Banking ของธนาคารในไทย เช่น กสิกร, กรุงไทย, หรือไทยพาณิชย์ โดยเงินจะเข้าบัญชีเทรดภายในไม่กี่นาที
- การถอนเงิน: รองรับการถอนผ่าน Local Bank Transfer เข้าบัญชีธนาคารในไทยโดยตรง
- ระยะเวลา: การฝากเงินมักเข้าทันที ส่วนการถอนใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมงทำการ ตามที่ระบุอย่างเป็นทางการ แม้บางกรณีอาจใช้เวลานานกว่านั้นขึ้นอยู่กับระบบธนาคารปลายทาง
- ค่าธรรมเนียม: Infinox ไม่คิดค่าธรรมเนียมใด ๆ ในการทำธุรกรรม แต่ธนาคารอาจมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ (ควรตรวจสอบกับธนาคารของคุณ)

เจาะลึกรีวิวจากผู้ใช้งานจริงใน Pantip: เสียงสะท้อนจากเทรดเดอร์ไทย
เพื่อให้ได้มุมมองที่สมดุล เราได้รวบรวมความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริงในเว็บบอร์ดชื่อดังอย่าง Pantip ซึ่งสะท้อนประสบการณ์ตรงจากนักเทรดที่ใช้งาน Infinox มาแล้ว พบว่ามีทั้งข้อดีและข้อกังวลที่ควรทราบ
สิ่งที่ผู้ใช้ชื่นชม:
- ความมั่นใจจากใบอนุญาต FCA: ผู้ใช้ส่วนใหญ่รู้สึกปลอดภัยที่โบรกเกอร์นี้มีการกำกับดูแลจากหน่วยงานระดับโลก
- สเปรดต่ำในบัญชี ECN: โดยเฉพาะนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ Scalping ชื่นชมความคล่องตัวและต้นทุนที่ต่ำ
- ระบบเสถียร: ไม่มีรายงานปัญหาการส่งคำสั่งช้าหรือเซิร์ฟเวอร์ล่มอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ถูกตั้งคำถาม:
- การถอนเงินล่าช้า: แม้ Infinox ระบุว่าใช้เวลา 24 ชั่วโมงทำการ แต่มีผู้ใช้บางรายรายงานว่าต้องรอเกิน 2-3 วัน โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุด
- การตอบกลับจากฝ่ายซัพพอร์ต: แม้มีทีมภาษาไทย แต่บางครั้งการตอบกลับอาจใช้เวลานาน หรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันที โดยเฉพาะในช่วงนอกเวลาทำการ
โดยรวม ความคิดเห็นใน Pantip บ่งชี้ว่า Infinox ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ผู้ใช้ควรติดตามสถานะการถอนเงินและเตรียมติดต่อกับฝ่ายบริการลูกค้าหากจำเป็น
Infinox ex คืออะไร? บริการเสริมที่น่าสนใจ
คำว่า “Infinox ex” อาจฟังดูแปลกหูสำหรับเทรดเดอร์ทั่วไป แต่จริงๆ แล้ว นี่คือบริการระดับสถาบันที่ Infinox เสนอให้กับพาร์ทเนอร์ เช่น Introducing Brokers (IBs), ผู้จัดการกองทุน หรือบริษัทที่ต้องการเปิดโบรกเกอร์ของตัวเองผ่านโมเดล White Label
การมี Infinox ex แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ระบบการจัดการสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับลูกค้าระดับองค์กรได้ แม้บริการนี้จะไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อเทรดเดอร์รายย่อย แต่ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า Infinox ไม่ใช่แค่บริษัทขนาดกลาง แต่มีศักยภาพในการเติบโตและมั่นคงในระยะยาว
ฝ่ายบริการลูกค้า (Customer Support) ติดต่อได้ช่องทางไหนบ้าง?
เมื่อเกิดปัญหาเร่งด่วน เช่น เงินไม่เข้าบัญชี หรือระบบล่ม การเข้าถึงฝ่ายบริการลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ Infinox ให้ช่องทางการติดต่อดังนี้:
- อีเมล: [email protected] – เหมาะสำหรับคำถามทั่วไปหรือเอกสารแนบ
- โทรศัพท์: มีเบอร์ติดต่อระดับสากล แต่ยังไม่มีเบอร์ที่เปิดให้บริการเฉพาะในประเทศไทย
- Live Chat: ให้บริการผ่านเว็บไซต์หลัก แต่จำกัดช่วงเวลา (ไม่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง)
ข่าวดีคือ Infinox มีทีมซัพพอร์ตภาษาไทย ทำให้เทรดเดอร์ชาวไทยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาษา อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบช่วงเวลาที่ทีมภาษาไทยให้บริการเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
บทสรุป: Infinox ดีไหม และเหมาะกับใคร?
โดยรวมแล้ว Infinox เป็นโบรกเกอร์ที่มีจุดแข็งด้านความน่าเชื่อถือสูง ด้วยการกำกับดูแลจาก FCA และ SCB พร้อมระบบการเงินที่รองรับผู้ใช้ในไทยได้อย่างลื่นไหล ค่าสเปรดที่ต่ำในบัญชี ECN และแพลตฟอร์ม MT4/MT5 ที่ใช้งานได้ดี ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนหลายกลุ่ม
Infinox เหมาะกับ:
- ผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเงินทุนและต้องการโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจาก FCA
- นักเทรดที่มีประสบการณ์หรือผู้ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping และต้องการต้นทุนต่ำ
- ผู้ที่ชื่นชอบแพลตฟอร์ม MT4/MT5 และไม่ต้องการระบบซับซ้อนเกินไป
อาจไม่เหมาะกับ:
- ผู้ที่ต้องการ Live Chat ที่เปิด 24 ชั่วโมง หรือต้องการติดต่อผ่านโทรศัพท์ในประเทศ
- ผู้ที่คาดหวังโปรโมชั่นหรือโบนัสแบบจัดหนัก
- มือใหม่ที่ต้องการแหล่งเรียนรู้อย่างละเอียดและบทวิเคราะห์ตลาดอย่างต่อเนื่อง
สรุปคือ Infinox คือตัวเลือกที่ “ปลอดภัย” และ “ตรงไปตรงมา” แต่ไม่ใช่ตัวเลือกที่หวือหวา หากสไตล์การลงทุนของคุณเน้นความมั่นคงและการควบคุมความเสี่ยง การทดลองใช้บัญชี Demo ก่อนเริ่มต้นจริงถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Infinox (FAQ)
Infinox ถอนเงินใช้เวลานานไหม?
ตามนโยบายอย่างเป็นทางการ การประมวลผลการถอนใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมงทำการ แต่ระยะเวลาที่เงินเข้าบัญชีธนาคารจริงอาจใช้ 1-3 วันทำการ ขึ้นอยู่กับธนาคารปลายทาง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดหรือสุดสัปดาห์
Infinox มีบัญชีทดลอง (Demo Account) หรือไม่?
มี Infinox ให้บริการบัญชีทดลองฟรี ซึ่งช่วยให้คุณสามารถทดสอบแพลตฟอร์ม ทดลองกลยุทธ์ และทำความคุ้นเคยกับสเปรดโดยไม่ต้องใช้เงินจริง
เงินฝากขั้นต่ำของ Infinox คือเท่าไหร่?
เงินฝากขั้นต่ำเพียง $1 สำหรับทั้งบัญชี STP และ ECN ทำให้ผู้เริ่มต้นที่มีทุนจำกัดสามารถเริ่มต้นได้ง่าย
Infinox ปลอดภัยและน่าเชื่อถือหรือไม่?
ใช่ Infinox เป็นโบรกเกอร์ที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA (สหราชอาณาจักร) และ SCB (บาฮามาส) พร้อมระบบแยกบัญชีเงินลูกค้า (Segregated Accounts) เพื่อความมั่นใจสูงสุด
การเปิดบัญชีกับ Infinox ในประเทศไทยต้องทำอย่างไร?
คุณสามารถเปิดบัญชีได้ผ่านเว็บไซต์ Infinox ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ:
- กรอกข้อมูลส่วนตัวผ่านแบบฟอร์มออนไลน์
- ยืนยันตัวตน (KYC) โดยอัปโหลดบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต และเอกสารยืนยันที่อยู่
- รอการอนุมัติบัญชี แล้วเริ่มฝากเงินและเทรดได้ทันที
สามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Infinox เป็นภาษาไทยได้หรือไม่?
ได้ Infinox มีทีมงานที่พูดภาษาไทย พร้อมให้ความช่วยเหลือผ่านอีเมลและ Live Chat (ในช่วงเวลาทำการ) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนชาวไทย
ที่อยู่ของ Infinox Thailand อยู่ที่ไหน?
Infinox ยังไม่มีสำนักงานอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทุกการบริการดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นรูปแบบปกติของโบรกเกอร์ต่างประเทศที่ให้บริการในตลาดเอเชีย